การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว

การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว หลังคลอดลูก หากคุณแม่ให้นมลูกเอง นน.จะลงมาเป็นปกติภายใน 1-6 ด.โดยไม่ต้องซื้อคอร์สลดนน.ราคาแพง หรือ ซื้อยาลดนน.จากอินเตอร์เนทที่เป็นอันตรายมากิน โดยมีข้อแม้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน คุณแม่ควรควบคุมน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 10-12 กก.ตลอดการตั้งครรภ์ โดยที่ 3 ด.แรก น้ำหนักต้องไม่ขึ้นเลย 3 ด.ถัดมาขึ้น 6 กก. และ 3 ด.สุดท้ายขึ้น 6 กก. ใครที่นน.ขึ้นเกินจากนี้ ไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าตอนท้องเป็นช่วงโปรโมชั่น อยากกินอะไรก็กินได้ตามใจอยาก อ้วนได้ไม่มีใครกล้าว่า แล้วคิดกินเพื่อลูก โด๊ปอาหารก่อภูมิแพ้เข้าไปมากมาย นมวัวเอย ผลิตภัณฑ์นมวัวเอย ทั้งชีส เค้ก ไอศครีม นมถั่วเหลืองซื้อมาเป็นลังๆ ไข่กินวันละหลายๆฟอง ขนมนมเนยทุกชนิด ปลาแซลมอนทุกมื้อ ผลที่ตามมา คือ แม่อ้วนทำให้เสี่ยงต่อเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ลูกเสี่ยงกับภาวะแพ้โปรตีนกลุ่มเสี่ยง พอคลอดลูกเสร็จ ก็ยังกินบำรุงน้ำหนักต่อ โดยคิดว่าจะทำให้ผลิตน้ำนมได้เยอะ ผลที่เกิดขึ้นคือ น้ำหนักส่วนเกินยังคงอยู่สะสมในร่างกาย แต่น้ำนมไม่ได้เพิ่มขึ้น (ดังรูปบน) เพราะปริมาณน้...

เด็กที่ฉลาดควรมีลักษณะ 40 ประการดังนี้

 เด็กที่ฉลาดควรมีลักษณะ 40 ประการดังนี้




ทั้งนี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการวิจัยถึงลักษณะของเด็กฉลาด แล้วสรุปออกมาพอ เป็นแนวทางให้เราได้พิจารณาว่าเด็กที่ฉลาดควรมีลักษณะ 40 ประการดังนี้
     
      1. เป็นคนช่างสังเกต มีความรู้สึกไว และรับรู้ได้เร็ว     
      2. สามารถคิดได้อย่างมีความสุข     
      3. เรียนรู้ได้ดีและเร็ว     
      4. ใช้คำศัพท์ได้มากและถูกต้อง     
      5. ชอบตั้งคำถาม     
      6. มีความคิดเป็นของตัวเอง     
      7. มีใจจดจ่อเมื่อพบสิ่งแปลกใหม่     
      8. มีความจำดี     
      9. ชอบอ่านหนังสือ     
      10. ชอบเป็นผู้นำเมื่อเล่นกับเพื่อน     
      11. เป็นผู้ออกความคิดเมื่อเล่นกัน     
      12. เป็นผู้ที่ครูชอบมอบหมายงานให้ทำ     
      13. ชอบการปั้นและวาดรูป     
      14. มีความรู้สึกดีกับทัศนียภาพและภาพวาด     
      15. วาดภาพตามความคิดของตนเอง     
      16. ชอบติชมภาพเขียน     
      17. ชอบเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเพลง     
      18. ใช้ร่างกายแสดงออกทางอารมณ์     
      19. มีการทรงตัวดี     
      20. ชอบเคาะจังหวะเมื่อได้ยินเสียงดนตรี     
      21. ชอบแสดงความคิดเห็น     
      22. ไม่ท้อถอยง่ายเมื่องานล้มเหลว     
      23. อ่านหนังสือได้ก่อนเข้าเรียน     
      24. สนุกกับการคิดเลข     
      25. อยากรู้อยากเห็น     
      26. มีมือที่มั่นคง หยิบของเล็ก ๆ ได้ดี     
      27. มีความซึมทราบในเรื่องที่ตนสนใจ     
      28. ชอบทดลองสิ่งต่าง ๆ     
      29. แก้ปัญหาด้วยตัวเอง     
      30. เฉลียวฉลาดในการหาคำตอบและคิดค้นคำตอบใหม่ ๆ     
      31. มีจินตนาการและสร้างสรรค์ในสิ่งเพ้อฝัน     
      32. มีความกระฉับกระเฉงในการแก้ปัญหาหรือเมื่อพบสิ่งใหม่ ๆ     
      33. เป็นต้นคิดโครงการใหม่ ๆ ไม่พึ่งคนอื่น     
      34. มีความกระตือรือร้น     
      35. เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง     
      36. มีเพื่อนมาก     
      37. ชอบสำรวจสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ     
      38. เด็กคนอื่นเลือกให้เป็นผู้นำ     
      39. สร้างจินตนาการและเล่าเรื่องเหล่านั้น     
      40. มีทัศนคติต่อชีวิตเป็นอิสระ
     
      อย่างไรก็ดี ลักษณะของเด็กฉลาดทั้ง 40 ข้อ ที่กล่าวมานี้ จะครอบคลุมถึงความสามารถทางด้านต่าง ๆ ของเด็ก เช่น ความสามารถที่มีมาแต่กำเนิด ด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี ความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นผู้นำ การที่เด็กมีลักษณะเหล่านี้มากก็จะมีความพร้อมมากกว่าเด็กอื่น คุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้เด็กมองเห็น ปัญหาที่สนใจที่ท้าทายให้แก้ปัญหา เด็กฉลาดโดยทั่วไปจะเป็นคนที่ช่างสังเกต และพบเห็นสิ่งท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ การได้ทดลองแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะทำให้เด็กพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีการใช้สมองคิดอยู่ตลอดเวลา
     
      ส่วนลักษณะของเด็กฉลาดนั้น ถ้าจะมองในแง่ภาพรวมแล้ว จะมีลักษณะ 4 เรื่องที่โดดเด่นกว่าเด็กปกติ ดังนี้
     
      1. ภาพพจน์ที่ดีต่อตัวเอง เด็กจะมองตัวเองว่าเป็นคนที่มีความสามารถเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองเป็น คนล้มเหลวทำอะไรไม่สำเร็จ ข้อนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้เด็กพัฒนาต่อไปได้ดี
     
      2. มองปัญหาได้อย่างเหมาะสม เด็กฉลาดมักจะมองเห็นปัญหาที่น่าสนใจอยู่เสมอ ในขณะที่เด็กอื่นมองข้ามไป หรือมองไม่เห็นความน่าสนใจนั้น ๆ เด็กจะเรียนรู้ปัญหาและ แก้ปัญหา และสามารถเอาชนะปัญหานั้นได้ เมื่อพิชิต ปัญหาได้แล้ว ก็มองหาปัญหาอื่น ๆ ต่อไป เช่น การฝึกสมองประลองปัญหาตลอดเวลา
     
      3. รับรู้ปัญหาได้ตามความเป็นจริง ไม่คิดว่าปัญหานั้นยากหรือง่ายเกินไป เด็กจะเรียนรู้จากการคิดและลองทำดู โดยไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความวิตกกังวล คำพูดของคนอื่น ฯลฯ ดังนั้นเด็กจึงแก้ปัญหาตามปัจจัยที่มี ของปัญหาโดยตรง ไม่มีอคติใด ๆ
     
      4. สามารถทบทวนสิ่งที่ทำไป เด็กฉลาดจะมีการตรวจสอบการแก้ปัญหาของ ตนเองอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อพบข้อผิดพลาด จะแก้ไขทันที หรือเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ จะนำมาพิจารณาและปรับปรุงการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น จะมีการตรวจทานผลลัพธ์อยู่เสมอ ผิดกับเด็กอื่นที่อาจจะทำเสร็จแล้วปล่อยทิ้งไปเลย
     
      อย่างไรก็ตาม ลักษณะของเด็กฉลาดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแนวทางให้เราได้ทราบว่า ควรจะพัฒนาเด็กให้มีลักษณะเช่นใดบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เด็กที่ไม่มีลักษณะเช่นนี้ จะเป็นเด็กที่ฉลาดไม่ได ้เพราะเด็กฉลาดบางรายก็มีส่วนที่มีข้อด้อยเช่นกัน เราจึงควรให้ความสนใจพัฒนาลูกของเราให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้
     
โค๊ด:
เครดิต : ข้อมูลจาก http://dnfe5.nfe.go.th

ความคิดเห็น