การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว

การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว หลังคลอดลูก หากคุณแม่ให้นมลูกเอง นน.จะลงมาเป็นปกติภายใน 1-6 ด.โดยไม่ต้องซื้อคอร์สลดนน.ราคาแพง หรือ ซื้อยาลดนน.จากอินเตอร์เนทที่เป็นอันตรายมากิน โดยมีข้อแม้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน คุณแม่ควรควบคุมน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 10-12 กก.ตลอดการตั้งครรภ์ โดยที่ 3 ด.แรก น้ำหนักต้องไม่ขึ้นเลย 3 ด.ถัดมาขึ้น 6 กก. และ 3 ด.สุดท้ายขึ้น 6 กก. ใครที่นน.ขึ้นเกินจากนี้ ไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าตอนท้องเป็นช่วงโปรโมชั่น อยากกินอะไรก็กินได้ตามใจอยาก อ้วนได้ไม่มีใครกล้าว่า แล้วคิดกินเพื่อลูก โด๊ปอาหารก่อภูมิแพ้เข้าไปมากมาย นมวัวเอย ผลิตภัณฑ์นมวัวเอย ทั้งชีส เค้ก ไอศครีม นมถั่วเหลืองซื้อมาเป็นลังๆ ไข่กินวันละหลายๆฟอง ขนมนมเนยทุกชนิด ปลาแซลมอนทุกมื้อ ผลที่ตามมา คือ แม่อ้วนทำให้เสี่ยงต่อเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ลูกเสี่ยงกับภาวะแพ้โปรตีนกลุ่มเสี่ยง พอคลอดลูกเสร็จ ก็ยังกินบำรุงน้ำหนักต่อ โดยคิดว่าจะทำให้ผลิตน้ำนมได้เยอะ ผลที่เกิดขึ้นคือ น้ำหนักส่วนเกินยังคงอยู่สะสมในร่างกาย แต่น้ำนมไม่ได้เพิ่มขึ้น (ดังรูปบน) เพราะปริมาณน้...

“พูดจาภาษาเด็ก” (พ่อแม่ทุกคนควรอ่าน)

 

“พูดจาภาษาเด็ก”  (พ่อแม่ทุกคนควรอ่าน)

เรื่องที่ 1 : “คำมั่นสัญญา” เสียงกรีดร้องของเด็กที่ได้รับการขัดใจ กลางศูนย์การค้าใหญ่แห่งนั้น
เรียกร้องความสนใจมิใช่น้อยจากผู้คนคับคั่งของบ่ายนั้น

เจ้าของเสียงเป็นด.ช.วัยไม่เกิน6ขวบ ร่างกลมป้อม ผิวขาว ผมหยักสลวย
ขณะนั้น..แกสลัดมือจากผู้ปกครองลงดิ้นปั่ดๆกับพื้นร้องไห้โฮๆ อย่างไม่อายใคร ต่อด้วยคำรำพัน

“คนอะไร!พูดแล้วไม่ทำตามสัญญา”
“เอาเถอะ…เอาเถอะ…แล้วสิ้นเดือนจะซื้อให้”
ผู้หญิงซึ่งคงเป็นมารดา ก้มลงฉุดด้วย คงจะอายต่อสายตา
ซึ่งจับจ้องมาเป็นจุดเดียวเต็มทีแล้ว

แต่พอได้ยินประโยคนั้น พ่อเทวดาน้อยยิ่งแผลงฤทธิ์ ตะเบงขึ้นสุดเสียง
“ไม่เชื่อ…เดี๋ยวแม่ก็หลอกเค้าอีก บอกอย่างนี้มาตั้งหลายหนแล้ว
คนอะไร พูดแล้วก็ไม่ทำตามที่พูด คนโกหก!”

ผู้เป็นพ่อควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อขณะที่เหลียวมองรอบๆด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
สุดท้ายก็ตัดสินใจก้มลงคว้าลูกขึ้นมา เดินลิ่วๆออกประตูไป
มองเห็นแขนขาของพ่อหนูกวัดไกวอย่างไม่ยอมแพ้
จนลับตาและเสียงตะโกน
“คนโกหก คนไม่ทำตามคำพูด”

ใครๆ ที่พบเห็นเหตุการณ์บ่ายนั้นต่างพากันหัวเราะขบขัน
ปัญหา ลูกแผลงฤทธิ์จะเอาโน่น เอานี่มีอยู่เสมอจนดูเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปเสียแล้ว แต่เราเคยคิดกันว้างหรือเปล่าว่าเบื้องหลังคำรำพึงรำพันว่า”คนโกหก…พูดไม่ จริง…ไม่ทำตามสัญญา”นั้นมีใครเคยไปสัญญาอะไรไว้กับแกบ้าง

มีบ้างไหม ที่ลูกๆทะเลาะกันแย่งของกัน คุณแก้ปัญหาไม่ตกก็เลยตัดสินด้วยประโยคที่ว่า
“ให้น้องไปก่อน แล้วแม่จะซื้อให้ใหม่”
มีบ้างไหมที่ลูกรบเร้า จะไปโน่น ไปนี่จนคุณรำคาญ ก็เลยสัญญาส่งๆ พอให้แกเลิกมายุ่งกับคุณว่า…
“สิ้นเดือนจะพาไป”

มีบ้างไหม …ที่คุณสัญญากับแก เพียงให้พ้นจากภาวะเฉพาะหน้าด้วยถ้อยคำลักษณะดังนี้
“ให้งานเสร็จก่อน”
“พรุ่งนี้จะพาไป”
“วันหลังจะซื้อให้”
“ไว้อีกหน่อยก่อน”
ฯลฯ

เด็กส่วนมาก ยึดถือคำมั่นสัญญาที่พ่อแม่ให้กับแกอย่างเหนียวแน่น
แกไม่เคยเข้าใจหรอกว่า”วันหลัง”หรือ”อีกหน่อย”ที่คุณสัญญากับแกนั้น
มีระยะเวลาเนิ่นนานสักเพียงไหน

ในขณะที่ “วันหลัง” ของผู้เป็นพ่อแม่ อาจหมายถึงระยะเวลาที่พอจะซื้อข้าวของนั้นๆให้แกได้โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน
แต่สำหรับลูกๆแล้ว”วันหลัง”ของแกก็คือ เวลาใดก็ได้ที่ไปเจอะเจอสิ่งของนั้นๆเข้า

หรือคำผลัดผ่อนของคุณที่ว่า”ให้งานเสร็จ”
ทันทีที่คุณวางดินสอจากเส้นสายบนกระดาษที่โต๊ะเขียนแบบ
แกก็คิดว่าถึงเวลาที่คุณควรจะพาแกไปเที่ยวได้แล้ว
แกยังไม่รู้จักขั้นตอนของงานว่า กว่าจะเรียบร้อยลุล่วงไปโครงการหนึ่งๆนั้น
จะต้องผ่านการตรวจ…การแก้ กี่ครั้งกี่หน

ความรู้สึกนึกคิดของผู้ใหญ่และเด็กไม่เท่าเทียมกัน ถ้าไม่แน่ใจว่า
จะสามารถทำอะไรได้ในช่วงเวลาอันจำกัด ก็จงอย่าไปใ้คำมั่นสัญญากับแกเป็นอันขาดว่า
“พรุ่งนี้จะซื้อให้”
“งานเสร็จจะพาไป”
“อีกหน่อย…”
หรือถ้าจะสัญญากับแก คุณก็จะต้องอธิบายให้แกเข้าใจถึงระยะเวลาดังกล่าวโดยถี่ถ้วน
เพื่อให้แกตรึกตรองเอาเองว่าแกจะสามารถรอคอยเวลานั้นๆได้หรือไม่

คำสัญญาที่ให้แก่เด็ก เพียงเพื่อให้พ้นจากปัญหาเฉพาะหน้าชั่วครั้งชั่วคราว
โดยคุณไม่ได้คิดที่จะปฏิบัติตามนั้น จะทำให้คุณไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากแกอีกต่อไป
คิดดูเถิดว่า คุณจะต้องสะเทือนใจเพียงไร เมื่อได้ยินแกตะคอกใส่ว่า
“คนโกหก พูดแล้วไม่ทำตามสัญญา!”


เรื่องที่ 2 : “แม่ปูลูกปู”พ่อเบรครถกึกจนบอยหัวทิ่ม ถ้าไม่จับพนักไว้ทันก็คงได้หัวโนหรือปากเจ่อกันบ้าง
อารมณ์ของพ่อเดือดปุด แต่ยังไม่ทันจะอ้าปาก
บอยซึ่งยืดคอขึ้นมองตามสาวน้อยวัยรุ่น 2 คนเพิ่งจะเดินนวยนาดตัดหน้ารถไปอย่างทองไม่รู้ร้อน
และหัวร่อต่อกระซิกกันราวกับเดินอย่างถูกต้องบนทางม้าลาย ก็โผล่หน้าออกไปตะโกนสุดเสียง
“โธ่…อีหนู! เดี๋ยวก็ไม่ได้มีผัวหรอก!”

ทำให้พ่อสะดุ้งเฮือก ผรุสวาจาเผ็ดร้อนอยู่เพียงริมฝีปาก
มองดูบุตรชายวัยเพียง 5 ขวบ
ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลด้วยซ้ำไป
แล้วก็ถามซ้ำอย่างไม่แน่ใจนัก
“บอยว่าอะไรนะ?”

พ่อหนูเอ่ยซ้ำด้วยน้ำเสียงใสไร้เดียงสา
ดูหน้าตาของแกแทบไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าแกเข้าใจประโยคที่เอ่ยออกมาทุกถ้อยกระทงความ
“บอยช่วยว่าให้พ่อไง เห็นพ่อว่าอย่างงี้ทุกที เวลาพ่อโกรธ”

แววตาบริสุทธิ์นั้นทำให้พ่อดุแกไม่ลง
นิ่งอยู่ซักพักก่อนที่จะออกรถไปอย่างระมัดระวัง
ระวังทั้งการขับรถและระวังทั้งคำพูดวาจา
ซึ่งมักหลุดออกไปโดยลืมคิดถึงผู้นั่งอยู่ด้วย
เขาผู้นั้นอายุเพียง 5 ขวบ
กำลังพร้อมที่จะรับฟัง และจดจำทุกสิ่งทุกอย่างจากผู้ที่อยู่ใกล้
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่แกนึกว่าเป็นสิ่งงที่ถูกต้องดีงาม
แกยังไม่รู้จักตริตรองหรอกว่า คำไหนพ่อพูดได้
แต่แกพูดแล้ว จะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรไป…

อีกรายหนึ่ง แม่เพิ่งรับลูกกลับจากร.ร.ด้วยความอ่อนระโหยเป็นพิเศษ
วันนี้งานเยอะ จนแม่แทบไม่ได้เงยจากโต๊ะทำงาน
กว่าจะขับรถฝ่าการจราจรที่ติดขัดเช่นเคยทุกวัน
กว่าจะค้าหาลูกสาวจากกลุ่มเพื่อนๆกลางสนาม
และกว่าจะพารถค่อยๆเคลื่อนไปตามถนนด้วยเกียร์ 1 2สลับกันอยู่แค่นั้น
แม่ก็เหงื่อตก หน้าซีดเซียว จนแม่หนูวัย 7 ขวบต้องถามขึ้น

“แม่เป็นอะไรจ๊ะ”
“แม่เหนื่อยจังเลยวันนี้ ปวดหัวด้วย ต้องขับรถระวังๆหน่อย”
“โอ๋..ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” แกปลอบผู้เป็นมารดา
“แม่ขับรถไปเรื่อยๆนะจ๊ะ ถ้าใครมันบีบแตร หรือว่าอะไรแม่ก็อย่าไปฟัง หนูจะด่าให้เอง”

แม่ชงัก เกือบจะหายจากความป่วยไข้ในทันที พึมพำอย่างงงๆ
“ด่าเหรอคะ”
“ไอ้บ้า บีบอยู่ได้ เก่งจริงก็แซงขึ้นไปซีวะ จะรีบไปหาพ่อหาแม่ก็ไป
เดี๋ยวจะตายซะก่อนหรอก”

แม่หนูเอ่ยฉาดฉานเพื่อยืนยันความมั่นใจให้แม่
หน้าของผู้เป็นมารดาเจื่อนลงทุกที ก็มันคำพูดของแม่ทั้งนั้นนี่นา
ตั้งแต่เริ่มขับรถ แม่ก็เริ่มปากจัดโดยอัติโนมัติ
และก็มักจะลืมไปทุกทีว่ามีลูกสาวน้อยนั่งอยู่ด้วยข้างหลัง
แกกำลังอยู่ในวัยสังเกตจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาของแก

“หนูอย่าพูดอย่างนั้นอีกนะคะ มันไม่น่าฟังเลย”
แม่เตือน ดวงหน้าของลูกสาวปรากฏความพิศวง แม้ว่าแกจะไม่ปริปาก
แต่ว่าสายตาของแกก็สงสัยอยู่ชัดๆว่า
“ทำไมแม่พูดได้ แต่หนูพูดไม่ได้”

อีกมุมหนึ่ง ผู้ปกครองซึ่งอาจจะเป็นมารดา หรือป้า หรือน้า
กำลังละล้าละหลังจูงเด็กข้ามถนน
รถยนต์เลี้ยวหัวมุมมาโดยเร็ว
และก็เบรคเสียงสนั่นห่างทางม้าลายเพียงคืบเดียว
จะด้วยความโกรธ หรือตกใจก็ตามแต่
คำด่ายาวเหยียดก็หลุดออกมาโดยไม่ได้คิดถึงพ่อหนูแม่หนูที่กำลังจูงอยู่

แน่ละ…ถ้อยคำที่หลุดออกมาโดยมิได้กลั่นกรองเหล่านี้ถูกบันทึกเอาไว้แล้ว
เท่าที่แกจะจดจำได้ และเมื่อไหร่ที่สบโอกาส แกก็จะนำเอามาใช้อย่างเหมาะสม อย่างไม่น่าเชื่อ

ก็เมื่อแม่ปูเดินส่ายไปมาไม่ตรงทาง
แล้วจะบังคับลูกปูเดินถูกทิศทางได้อย่างไร
เด็กๆในวัยนี้นิยมชื่นชมพ่อของแกว่าเป็นวีรบุรุษ
และแม่ก็คือวีรสตรีคนเดียวในความรู้สึกของแก
ฉะนั้น…พึงระลึกไว้ตลอดเวลาว่า …
ไม่อยากให้ลูกเป็นอย่างไร ก็อย่าทำสิ่งนั้นให้แกเห็นเลย

ความคิดเห็น