วิธีเลือกกุมารแพทย์ให้ลูก

วิธีเลือกกุมารแพทย์ให้ลูก

           โดยปกติ เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะสอบถามเพื่อนฝูง คนรู้จัก เพื่อขอคำแนะนำในการฝากครรภ์ว่าควรจะฝากที่ไหน  แพทย์คนใด  แต่ส่วนใหญ่มักจะลืมไปว่า หลังจากคลอดแล้ว แพทย์ที่จะดูแลลูกต่อจากนั้นไม่ใช่สูติแพทย์ท่านเดิมแล้วค่ะ   จะต้องเปลี่ยนเป็นกุมารแพทย์  ฉะนั้นก่อนคลอดควรสอบถามและเลือกกุมารแพทย์ที่สนับสนุน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ให้เป็นกุมารแพทย์ ประจำตัวลูกนะคะ  (ถ้าก่อนคลอด คุณแม่ไม่ได้ระบุว่าต้องการกุมารแพทย์ท่านใด ทางโรงพยาบาลจะจัดให้เองค่ะ)     

            แม้ว่าแพทย์และพยาบาลทุกท่านจะพูดตรงกันว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก แต่ก็ไม่ใช่ว่าแพทย์หรือพยาบาลทุกท่านจะสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างจริงจัง    ส่วนใหญ่จะสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ต่อเมื่อกรณีนั้นไม่มีปัญหา   แต่ถ้าหากมีปัญหาเมื่อใด ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้หย่านม หรือใช้นมผสมช่วย   แพทย์หรือพยาบาลที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างแท้จริง จะต้องพยายามอย่างเต็มที่ ในการที่จะช่วยเหลือ หรือแก้ปัญหาให้คุณแม่ เพื่อให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดำเนินต่อไปได้

ต่อไปนี้เป็นข้อสังเกตว่าแพทย์หรือพยาบาลท่านนั้น ไม่ได้  สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างจริงจัง

1. แพทย์ท่านนั้นให้นมผสมที่แจกฟรีเป็นตัวอย่าง รวมทั้งเอกสารแนะนำคุณสมบัติของนมผสมยี่ห้อนั้นๆ แก่คุณ
      การแจกตัวอย่างนมผสมผ่านโรงพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์นั้น เป็นสุดยอดการตลาดที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคุณแม่ทั้งหลายว่านมผสมนั้น ดีไม่แพ้นมแม่  ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
 
2.แพทย์ท่านนั้นบอกกับคุณว่านมผสมหรือนมแม่ก็เหมือนๆ กัน
     แม้ว่าทารกที่กินนมผสมหรือกินนมแต่ ต่างก็เจริญเติบโตได้เหมือนๆ กัน  ไม่ได้หมายความว่า นมผสมจะเหมือนกับนมแม่ทุกประการ  มีส่วนประกอบหลายชนิดที่มีในนมแม่  แต่ไม่มีในนมผสม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูมิคุ้มกันและเซลล์ที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อโรคของทารก

3. แพทย์ท่านนั้นบอกกับคุณว่านมผสมยี่ห้อ XXX ดีที่สุด 

4.แพทย์ท่านนั้นบอกกับคุณว่า ไม่จำเป็นต้องรีบพาลูกมาดูดนมทันทีหลังคลอด เพราะคุณแม่ควรจะพักผ่อน
           แม้จะไม่จำเป็นจริงๆ  แต่การนำลูกมาดูดนมแม่ทันทีหลังคลอดนั้น เป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นไปอย่างราบรื่น  เพราะการกระตุ้นเร็ว  น้ำนมก็จะมาเร็ว

5.แพทย์ท่านนั้นบอกกับ คุณว่า เด็กทารกไม่มีปัญหากับการสับสนในการดูดนมแม่หรือนมขวดหรอก ควรจะหัดให้ดูดขวดเร็วๆ ลูกจะได้ไม่ปฏิเสธขวดในภายหลัง

6. แพทย์ท่านนั้นแนะนำให้คุณหยุดให้นมลูก เมื่อคุณหรือลูกไม่สบาย
          ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อคุณหรือลูกป่วย มีน้อยกรณีมากที่จะไม่สามารถให้นมต่อได้  ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร มียาหลายชนิดที่แพทย์สามารถเลือกใช้ได้ โดยไม่กระทบกับการให้นมลูกของคุณ  หากได้รับคำแนะนำให้หยุดให้นมลูกจากแพทย์ท่านใด  แสดงว่าแพทย์นั้นไม่เห็นความสำคัญของ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่  ขอให้สงสัยไว้ก่อน และลองปรึกษาแพทย์คนใหม่ดู   

7. แพทย์ท่านนั้นพูดหรือแสดงอาการแปลกใจว่า ทำไมคุณยังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อยู่  ทั้งๆ ที่ลูกอายุตั้ง 6 เดือนแล้ว

8.แพทย์ท่านนั้นบอกว่าหลังจาก 6 เดือน นมแม่ไม่มีประโยชน์แล้ว
           ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน นมแม่ก็ยังเป็น นม เหมือนเดิม มีไขมัน โปรตีน พลังงาน วิตามินและภูมิคุ้มกัน ที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคให้กับทารกได้เหมือนเดิมทุกประการ 

9.แพทย์ท่านนั้นแนะนำว่า ไม่ควรปล่อยให้ลูกหลับคาอกแม่
            ถ้าลูกหลับได้เองโดยไม่ต้องดูดนมแม่ก็เป็นเรื่องดี  แต่การที่ลูกหลับคาอกแม่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ควรทำ  กลับเป็นเรื่องที่น่าเพลิดเพลินเสียด้วยซ้ำ ลูกก็หลับ แม่ก็ได้พักผ่อน อบอุ่นกันทั้งแม่ทั้งลูก

ย่อความจาก

How to Know a Health Professional is not Supportive of Breastfeeding By Jack Newman, MD, FRCPC

ที่มา : http://www.breastfeedingthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=277721

ความคิดเห็น