รู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก
เมื่อต้นเดือนธ.ค.09 ที่ผ่านมานี้ ศาลสหรัฐตัดสินว่าบริษัท Mead Johnson มีความผิดฐานโฆษณาหลอกลวงคำตัดสินของศาลกลางสหรัฐระบุว่า บริษัท Mead Johnson ผู้ผลิตนมผสมยี่ห้อเอ็นฟามิล ทำการโฆษณาด้วยการให้ข้อมูลบิดเบือนจากความเป็นจริง คำตัดสินนี้เป็นผลจากคำฟ้องร้องของบริษัท PBM ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของ Mead Johnson และผลิตนมผสมให้กับร้านค้าปลีกอย่างวอลมาร์ทและทาร์เก็ท ภายใต้ยี่ห้อของร้านค้าปลีกนั้น ๆ โฆษณาของ Mead Johnson อ้างว่า “เฉพาะนมผสมยี่ห้อ Enfamil Lipil เท่านั้นที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตของสมองและสายตา” การใช้นมผสมอื่น ๆ อาจทำให้ทารกมีพัฒนาการที่ด้อยกว่าMead Johnson จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัท PBM เป็นเงิน 13.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 450 ล้านบาท) เนื่องจากบริษัท PBM ต้องสูญเสียรายได้จากการขายนมผสมยี่ห้อที่ตนเองเป็นผู้ผลิตได้น้อยลง เพราะผู้บริโภคหลงเชื่อว่านมผสมของ Mead Johnson ดีกว่าผู้บริหารของบริษัท PBM ซึ่งชนะคดีนี้กล่าวว่า "โฆษณาของ Mead Johnson ที่อ้างว่าสารอาหารในผลิตภัณฑ์ของตนนั้นแตกต่างจากนมผสมยี่ห้ออื่นทั่วไปนั้นเป็นคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จ ความจริงแล้วสิ่งที่แตกต่างกันก็คือราคาต่างหาก" สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่Infact Canada พูดถึงคำตัดสินของศาลครั้งนี้ว่าคดีนี้ตัดสินว่าบริษัท PBM เป็นผู้ได้รับความเสียหาย เพราะบริษัท PBM สูญเสียกำไรจากการโฆษณาอวดอ้างเกินจริงของบริษัทคู่แข่ง แต่ไม่ได้มีการชดเชยอะไรให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายตัวจริงจากการบิดเบือนของมี้ดจอห์นสันเลยผู้ที่เป็นเหยื่อที่แท้จริง ได้แก่บรรดาคุณแม่ทั้งหลายที่ล้มเลิกการเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง เพราะหลงเชื่อคำโฆษณาหลอกลวงของ Mead Johnsonเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Mead Johnson ต้องแสดงความรับผิดชอบกับความเสียหายของบริษัทอื่น ๆ ในธุรกิจเดียวกัน แต่กลับไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย กับผลเสียต่อสาธารชนที่เกิดจากการโฆษณาหลอกหลวงนี้สำหรับในบ้านเรา ไม่ใช่แค่ Mead Johnson เท่านั้น โฆษณาของนมผสมทุกบริษัท ล้วนแต่บิดเบือนและหลอกลวงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สายตา ความฉลาด หรือมีภูมิคุ้มกันปกป้องต่างๆ นานา อยากให้พ่อแม่ทุกคนที่ซื้อนมผสมเลี้ยงลูก รู้จักปกป้องและรักษาสิทธิของตนเองในฐานะผู้บริโภคบ้าง ไม่ใช่ยอมให้ผู้ผลิตนมผสมหลอกลวงและเอาเปรียบอย่างทุกวันนี้เวลาที่เห็นเขาโฆษณา แล้วก็ยอมเสียเงินจำนวนมากไปซื้อมาให้ลูกกินนั้น เราต้องคาดหวังว่าจะได้ตามที่เขาโฆษณาด้วย ถ้าเขาบอกว่าฉลาด ไอคิวดี ลูกเราก็ต้องฉลาดแบบนั้น ถ้าลูกเรากินแล้วสอบได้ที่กลางๆ หรือท้ายๆ คนอื่นเขาอ่านออกเขียนได้ นับเลขคล่อง แล้วลูกเรายังทำไม่ได้ ก็แสดงว่านมผสมที่กินไปนั้นมันไม่ได้ทำให้ฉลาดอย่างที่โฆษณานมผสมที่บอกว่ากินแล้วมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยปกป้องลูกน้อยจากเชื้อโรคสารพัด ลูกเรากินแล้วก็ต้องแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย จะลุยดินลุยโคลนขนาดไหน ก็ไม่เป็นไร ถ้าลูกเราป่วยบ่อย น้ำมูกไหล ไอจาม งอแงตลอด แบบนี้ก็เรียกว่าหลอกลวง สูตรไหนที่บอกว่าป้องกันโรคภูมิแพ้ ก็ต้องป้องกันได้จริง กินแล้วก็ต้องไม่เป็นอะไร ท้องไม่ผูก ไม่เสีย ไม่เป็นผื่นเป็นไข้ อาเจียนน่าจะเก็บใบเสร็จค่านมผสมไว้ให้หมดเลยนะคะ ปีนึงๆ ซื้อไปกี่หมื่น รวมใบเสร็จค่าโรงพยาบาลด้วย ไปหาหมอมากี่ครั้ง ค่ารถ ค่าน้ำมันที่ต้องเดินทาง พอลูกโตแล้วเรียนไม่ทันเพื่อน ต้องเสียค่าติว ค่าเรียนพิเศษไปเท่าไหร่ก็เก็บไว้ด้วย รวมตัวกันมากๆ แล้วก็ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทนมผสมให้เต็มที่เลยแต่เท่าที่เห็นหรือได้ยินมา กลายเป็นว่า พอซื้อนมยี่ห้อหนึ่งมาแล้วลูกกินไม่ได้ ท้องผูก ท้องเสีย ก็ยอมรับสภาพแต่โดยดีว่า เออ ลูกเราไม่ถูกกับยี่ห้อนี้ ที่เขาโฆษณาว่าดียังงั้นยังงี้น่ะไม่ผิด เขาคงดีจริง แต่ผิดที่ลูกเรา ดันไม่ถูกกับนมของเขา ลองเปลี่ยนยี่ห้ออื่นแล้วกัน กระป๋องละ 7-800 เนี่ย ทิ้งกันไปไม่รู้เท่าไหร่ เสียดายเงินไม่เท่าเสียดายว่าแม่ทุกคนก็มีนมดีๆ ให้ลูกตัวเองกิน แต่ไปหลงเชื่อเขาว่านมวัวมันดีกว่านมตัว เชื่อเขาว่านมเรามันไม่มี ไม่พอให้ลูกกิน มีใครเคยสังเกตบ้างไหมคะ ว่าช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ ผู้ผลิตนมผสมทุกยี่ห้อในบ้านเรา โหมโฆษณากันอย่างรุนแรงมากๆ การที่ราคานมผสมเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น ไม่ใช่วัตถุดิบขึ้นราคาหรอกค่ะ เป็นค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างหาก เวลาที่เขาแจกตัวอย่างฟรี กระเป๋าใส่ของ นิทานสำหรับเด็ก หรือของเล่นเสริมพัฒนาการอะไรก็ตามแต่นั่น คนรับก็ดีใจว่า อุ๊ย ได้ของฟรี แต่ที่จริงแล้ว เขาบวกราคาของเหล่านี้เข้าไปในผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้วถ้านมผสมถูกห้ามโฆษณาอย่างเด็ดขาดเหมือนในบางประเทศที่มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง และเอาใจใส่สุขภาพความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริง ราคานมผสมจะถูกกว่าที่เป็นอยู่นี้เป็นเท่าตัวทีเดียว
ตอนที่เริ่มทำเว็บนี้ใหม่ๆ นมผสมทุกยี่ห้อไม่ได้มีเว็บสวยงาม เอาอกเอาใจสมาชิกมากเหมือนเวลานี้นะคะ หลังจากที่กระแสนมแม่เริ่มแรงขึ้น มีผู้ที่สามารถเลี้ยงลูกนมแม่ได้สำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ผลิตนมผสมเริ่มหันมามอง แล้วก็ปรับปรุงการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์กันอย่างขนานใหญ่ พยายามรักษาฐานลูกค้าของตนเองอย่างเต็มที่ สัญญานของการรบครั้งนี้ เริ่มต้นจากที่บริษัทนมผสมชื่อดังมาขอลงโฆษณากับเว็บของเรา จนต้องสรรเสริญไปตาม บทความนี้ เสียยกใหญ่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มเห็นการปรับตัวของเว็บไซต์นมผสมทุกยี่ห้อ ดีไซน์สวยงาม ลูกเล่นมากมาย น่าเข้าไปเยี่ยมชมวันละหลายหน ใช้บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ พยาบาล นักโภชนาการมาสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างเต็มที่ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แบบผิดๆ จนทำให้แม่ทั้งหลาย ล้มเหลวและล้มเลิกการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างง่ายดาย ในขณะที่เวลามีผู้ตั้งกระทู้ถามเรื่องที่ลูกเขากินนมผสมแล้วมีปัญหา กลับไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนถ้าบ้านเราออกกฎหมายห้ามโฆษณานมผสมได้ รับรองว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต้องเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แล้วนมผสมก็จะราคาถูกกว่านี้ด้วยขอขอบคุณ ข้อมูลอันมีค่าจาก breastfeedingthai.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น