เมื่อผมเป็นแม่

 ผมเป็นพ่อครับ เลยเขียนเรืองนี้ว่า เมื่อผมเป็นแม่ เพราะว่า การเป็นพ่อต้องเลี้ยงลูกบางครั้งมันก็ได้อะไรที่แปลกแหวกแนวพอดู ลองมาอ่านกันครับ เขียนไว้ได้ สองสัปดาห์กว่าๆแล้วเลยเอามาแชร์กันอ่าน


เมื่อผมเป็นแม่

คงเบรคไว้ก่อนสำหรับ 100 คำถามที่ผมมี...ในก่อนหน้านี้ที่ ข้อ 41 เพราะบางคำถามผมอาจจะช่างสงสัยและล่อแหลมต้องขอไปพิจารณาสักพักก่อน สำหรับต่อนี้มาเรื่องนี้กันครับ



จากเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับผม “ เมื่อผมเป็นแม่ ”




บทบันดาลใจ โดย สาวบ้านนอก (บล็อกแก้งค์)

ผู้เขียน นายซีแมน( เว็บมาสเตอร์ แฟนคนเรือ)


บทนำ




มีใครเคยคิดบ้างไหมว่า หนึ่งทายาทน้อยๆ แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น มีต้นกำเนิดมาอย่างไร เมื่อไรแล้วทำไมถึงต้องเกิด เกิดมาเพื่ออะไร และทำไมต้องเป็นเช่นนั้น

นั่นก็เป็นเรื่องทางประวัติศาสตร์การกำเนิดโลก ที่ผมไม่อ้างถึง เพราะถ้าอ้าง คงต้องอ้างตั้งแต่ ตัวอมิบา นู้น แล้วไล่ สัตว์เลือดอุ่น เลือดเย็น เลี้ยงลูกด้วยนม อะไรเถือกนั้น มีหวังได้เขียนกันเป็นพัน ๆ หน้าก็ไม่จบ

มนุษย์เป็นสัตว์ชั้นสูงสุดของ ห่วงโซ่ ที่เลี้ยงลูกด้วยนม และ บางทีจะให้ดี อบรมให้ได้ ต้องเลี้ยงด้วยไม้เรียว (กรณีเอาไม่อยู่แล้ว) สอนไม่ได้ ก็ว่ากันไป นั่นก็ยังไม่ใช่เรื่อง ที่ผมจะกล่าวถึง แต่สิ่งที่ผมจะกล่าวถึง ก็คือ เมื่อเด็กน้อย เบบี้คนหนึ่ง ลืมตาดูโลก อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แน่นอนย่อมต้องโกลาหล วุ่นวาย อาหารการกิน นม อาบน้ำ อะไรๆ ก็ดูยากไปซะหมด ก็แหม เด็กตัวนิดเดียว ตัวเท่าๆ กับลูกลิงนี่ละ แต่เลี้ยงยากกว่าลูกลิง ซะอีก


และแน่นอน สิ่งพิเศษ ของเนื้อความที่ผมเขียนก็ไม่ปกติเท่าไร ปกติแล้วเวลากำเนิดชีวิตใหม่ คนให้นมคือ แม่ผู้ให้กำเนิด ให้ความอบอุ่น และ ต่างๆนานา สารพัดการเลี้ยงดู ลูกน้อย และถ้าไม่ใช่ละ ถ้าเป็นผู้พ่อ ที่สังคมมักตราหน้าว่า ไม่มีทางจะเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดให้โตครบขวบปีได้แบบตลอดรอดฝั่ง เพียงผู้เดียวได้นั้น เป็นเรื่องที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ยอมรับว่า เออจริง “ใครจะไปเลี้ยงได้วะ ตูไม่ใช่เพศแม่นี่หว่า เลยเลี้ยงไม่เป็น ธรรมชาติสร้างมาให้สร้าง ไม่ได้สร้างมาให้เลี้ยงลูก “

มันเป็นเพียงแค่ จารีตที่ประพฤติกันไปเองครับ จนเกิดความเคยชิน จนขี้เกียจ และ ทำไม่ได้เป็นนิสัยผู้ชายทั่วไปในที่สุด

ถ้าพ่อต้องเลี้ยงลูกเองละ “เมื่อผมเป็นแม่” มันเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวเลย เรื่องแบบนี้ ต้องบอกว่า สิ่งใดๆในโลกา ล้วนเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และชายหญิงไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่นับเรื่อง กายภาพ ผมเลี้ยงลูกอ่อนได้ครับ เพียงแต่ไม่มีนมจากเต้าให้เธอดูดแค่นั้นละ ส่วนเรื่องเสียงเล็กเสียงน้อย กับลูกนั้น พ่อคนไหนก็เป็นเวลาเล่นกับลูก ๆ ใครจะทำเสียงห้าวใหญ่ ให้เด็กมันตกใจละจริงไหมครับ? และ แน่นอน ถ้าคุณพ่อต้องมาเลี้ยงลูกเอง เน้นว่าลำพัง ไม่มีผู้ช่วยละครับ อยู่ดูแลกันแบบตัวต่อตัว จะเกิดอะไรขึ้น

และคุณพ่อท่านนั้น ก็คงต้องทำงานในวิชาชีพพิเศษ ที่มีเวลาพอจะดูแลลูกได้เต็มเวลาด้วย มีหลายอาชีพครับ ที่ไม่ต้อง ไปทำงานลงเวลา ตอกบัตร รูดการ์ดเวลาเข้าออก กลุ่มนี้ดูแลลูกได้สบายมาก และ ต่อจากนี้ไปจะเล่าให้ผู้อ่านได้รับรู้ รับทราบจากประสบการณ์จริงๆ ที่เผื่อขาดเผื่อเหลือ ของผมเอาไว้แล้ว ตลอดขวบปีของเจ้าตัวน้อย สุดแสนซน เพื่อว่าจะเป็นแนวทาง ของบรรดา คุณแม่ คุณพ่อมือใหม่ได้บ้าง และ ขอบอกก่อนเลยว่า การเลี้ยงลูกของผมค่อนข้างจะอิงวิทยาศาสตร์ ดังนั้นหากท่านใดเชื่อไสยศาสตร์ก็ อาจจะผิดหวังครับ เพราะผมคิดไว้เสมอๆว่า สิ่งที่ไม่มีตัวตน ช่วยเราเลี้ยงลูก หรือ กล่อมลูกให้หลับไม่ได้ ดังจะมีเขียนถึง และมีให้เปรียบเปรยในนี้ด้วยในบางห้วงบางตอน ตลอดถึง สาเหตุ อาการงอแง ความไม่เข้าใจภาษากาย ของตัวน้อย วัยอ่อน 1-4 เดือนแรก และอื่นๆอีกมากมาย ติดตามอ่านกันครับ ถึง เดือนที่ 12 เชิญได้เลย


ด้วยใจที่มั่นในรักบริสุทธิ์ ของพ่อสู่ ลูก แบ่งปันสู่ พ่อ แม่ มือใหม่ ศตวรรษที่ 21



จาก ซีแมนแฟนคลับ นายซีแมน



Webmaster http://www.seamanfanclub.com




 *โฮ๊ะๆๆ  เดือนที่ 1 (เดือนอันแสน ระทึก คึกใจจนตาบวม )



สวัสดีครับ เริ่มเดือนที่ 1 ก็เล่นเอา คุณพ่อ แม่ มือใหม่ อาจจะสะดุ้งได้ แต่แนะนำว่าใจเย็นๆได้เลยครับ ความรัก ย่อมพาคุณฟันฝ่า อุปสรรค ในการเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไข ของท่านได้ในที่สุด

แน่นอนครับ ทุกคนต้องพักผ่อน นอนหลับ ด้วยความเพลียประจำวัน จากงาน การปฏิบัติกิจวัตรประจำที่ต้องกระทำ แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่กรณีนี้ คนเลี้ยงย่อมต้องมีเวลาให้ลูก 24 ชม. แน่นอน หมายถึงว่า ผมในตอนนั้น เลี้ยงลูกด้วย ทำงานไปด้วย บ้าน คือ ที่ทำงาน คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์สำนักงาน อินเตอร์เน็ต เข้ามาช่วยในการหาข้อมูล ให้สำหรับผมเรื่อยมา สิ่งที่ตามมา คือ ความเพลีย

ไม่เพลียอย่างไรไหว เพราะเจ้าตัวน้อย ที่เกิดใหม่มา ร้องโยเย ตลอดวัน ไม่ว่าจะ ถ่ายหนัก เบา หิวนม และ อื่นๆ รบกวน เสียงดัง แมลงที่ คอยจ้องจะกัด หนูน้อย ผมเป็นพ่อก็ต้องนั่งระวัง ผ้าอ้อมสำเร็จรูป พกไว้ข้างตัวใกล้มือเสมอๆ บางที ใส่กระเป๋ากางเกงไว้เลยก็มี ยังกับนักเทนนิสเลย คือ มันสะดวกครับ บางที ลูก ถ่ายออกมา แล้ว หรือ ผ้าอ้อมเต็ม ต้องเปลี่ยน บางเวลาต้องต่อเนื่อง คือ บางครั้ง ลูกกำลัง อยู่ในมือเรา นอนอยู่ การเดินทิ้งไป ก็อาจจะเป็นห้วงเวลาที่ เจ้าตัวน้อย โหยหาเราก็เป็นได้บ่อย ๆ

ไม่รู้ว่าทำไม ถึง เพลีย ทั้งที่ เดือนแรก เจ้าตัวน้อย ก็นอนๆๆๆ และนอน คำตอบ คือ นอนก็จริงครับ แต่ตอนตื่นนี่สิ หนูน้อย ไม่รุ้หรอกว่า ตอนไหนกลางวัน ตอนไหนกลางคืน ตื่นตามใจเธอเลย หนูอยากตื่นนี่นา เออเอาเข้าไปนะ ลูกพ่อ

ตื่นมา สาเหตุการตื่น ก็รู้ๆกัน คือ ไม่สบายตัว หรือ นอนพอแล้ว หิวนม อะไรทำนองนี้ และ ชอบตื่นห้วงเวลาที่ คนทั่วไปนอนซะด้วยสิ คือ ตอนกลางดึกสงัด มามองนู้น มองนี่ ในเดือนแรก สายตาหนูน้อยยังมองเห็นอะไรได้ไม่ไกลครับ แต่ก็พอมองเห็น ได้บ้าง และ สิ่งที่ต้องระวังก็ คือ อาการท้องอืด แหวะนม หรือ ความสะอาดขวดนม ไม่ควรวางทิ้งไว้ จนเป็นนมเปรี้ยว ใช้แล้วควร ล้างน้ำแล้ว แช่น้ำร้อนไว้เลย ตั้งหม้อน้ำ อุ่นทิ้งไว้ก็ได้ ไม่เปลืองไฟมากหรอกครับ และไม่จำเป็น ต้องซื้อเครื่องนึ่งขวดนมแต่อย่างใด หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ธรรมดา ที่มี รังผึ้งสำหรับ นึ่งนี่ละ ใบละไม่เกิน 600 บาทก็ดีมากแล้ว เอามาเฉพาะเจ้าตัวน้อย ไว้นึ่งขวดนม และอุปกรณ์อย่างเดียวเลย



ประหยัดเกินไปไหม เครื่องนึ่งขวดนม เครื่องอุ่นนม สำหรับผมแล้ว หม้อไฟฟ้า มีรังผึ้งพวกนี้อุ่นได้ นึ่งร้อนๆได้สบายมาก แค่กดให้มันเดือด ถ้าอุ่นก็ปล่อยไว้แบบนั้นไม่มีปัญหาใดๆเลยสักนิด



การผสมอาหารนมเจ้าตัวน้อย อันนี้ต้องระวัง สิ่งที่ผมทำ คือ ซื้อน้ำยาล้างมือ อย่างดี ไว้ในห้องน้ำ ใส่ขวดปั๊มเอาไว้ ผ้าเช็ดมือห้อยไว้ เปลี่ยนซักทุกวัน โยนใส่เครื่องซักไปเลย ตัดเล็บไม่ให้ยาว ไม่ดำ ล้างมือ บ่อยมาก เพราะกลัวลูกท้องร่วง เอาน้ำร้อนลวกมือตัวเองได้คงทำไปแล้ว เมื่อสะอาดแล้ว ถึงได้ลงมือ ชั่งตวงวัด นมผสมให้เจ้าตัวน้อย อย่างพอดีกับ สัดส่วน มากไปก็ไม่ดีเดี๋ยวย่อยยาก น้อยไปก็ไม่ดีจะขาดสารอาหารได้



ถ้าลูกไม่ถูกกับนม ค่อยเปลี่ยนอีกที อันนี้แล้วแต่เด็ก แต่สำหรับ กรณีลูกของผมละก็ กินได้หมดเลย ทุกยี่ห้อ ขนาดเปลี่ยนนมให้ ยังไม่ต้อง มาผสมครึ่งๆ เหมือนเด็กคนอื่นเขาทำกัน ที่ค่อยๆเปลี่ยน เจ้าตัวน้อยของผมนั้น สะเทินน้ำสะเทินบก แต่ก็อยู่ในอ้อมกอด ความทะนุถนอมของคนเป็น พ่ออย่างผม ได้ดีทีเดียว (แต่เวลาที่เขาร้องไห้จ้า ทำเอาเราใจแทบละลายเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คงกลัวลูกร้องแล้วหยุดไม่เป็นขาดใจตายกระมัง)






ในเดือนนี้ ถือได้ว่าเป็นเดือนแห่งความท้อ เพราะคิดไม่ออกว่า จะต้องประคองชีวิตน้อยๆ ที่ไม่ใช่ลุกหมาชีวิตนี้ ในรูปแบบที่ เวลาไล่หลังไปติดๆ แข่งกับเสียงร้องของตัวน้อย และไม่รู้ว่าเมื่อไร เราพ่อลูก ถึงจะสื่อสารกันได้สมบูรณ์ ถ้าให้ผมอิงกับประเพณีไทยๆ แล้วละก็ คนไทยมีหลายสิ่งในการประพฤติ ปฏิบัติ ไม่ว่าการนำเด็กเข้าบ้านใหม่ สมาชิกใหม่ เข้าบ้าน เด็กเกิดใหม่ โกนผมไฟ จุดธูปบอกเจ้าที่ เจ้าทาง สารพัดจะคิดออก ก็แล้วแต่ละท้องถิ่นด้วย มันเป็นไปตามจารีต แต่ผมดูแล้ว ใช้สมองน้อยๆคิดตามแล้วก็ยิ้มออกว่า



อ๋อ คนโบราณของไทย มีอุบายในกาลต่างๆ ในการเลี้ยงเด็ก และชีวิตความ เป็นอยู่ อย่างหนึ่ง คือผีบ้าน ผีเรือนเป็นกำลังใจ กับ พ่อแม่ มือใหม่ บางบ้านก็ นับถือกันมาก ๆจนเกินงามก็มี แต่ไม่เชื่อไม่ลบหลู่ครับ แต่ไม่ปฏิบัติเฉยๆ แล้วมาดูผลกัน


ร้องโคลิค “ร้อง100วัน “ หรือ ที่เรียกว่า เด็กเห็นผี เห็นที ถ้าผีมีจริง ผมคงเป็นคนที่คุย และขอความช่วยเหลือจากผีเป็นคนแรก แต่ไม่เห็นมีเลย ไม่ว่าผีแนวใดๆ ชาติไหนๆ ที่ผมเดินทางไปในโลกนี้ ไม่ได้กินซะละครับ คนไทยในระแวก ใกล้ๆกับผม แนะนำผมต่างๆ นานา ผมก็รับคำตามประสาผู้ด้อยอาวุโสกว่า แล้วก็เดินจากมา โดยไม่ได้ทำอะไรที่เขาว่าหรอก ความจริง คือ ทางวงการแพทย์บอกว่า ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เช่นกันว่า ทำไมเด็กถึงร้อง ห้วงร้อยวันแรกแบบนี้ บางคนก็ไม่ร้อง โอย จะบ้าตาย หมอเล่นพูดแบบนั้น บรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ ยิ่งสำทับกันเข้าไปใหญ่เลยว่า “นั่นไงว่าแล้ว หมอยังไม่รู้เลย “


ความจริงแล้ว หมอไม่ได้ตอบว่าไม่รู้ แต่หมอหมายถึง ไม่สามารถ ระบุได้ว่า แต่ละคนเป็นอะไรถึงร้อง มันขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน สภาวะตอนอยู่ในท้อง การปรับตัว อาหารที่กิน การนอน สภาพแวดล้อมขณะนั้นๆ สภาพอากาศ ต่างๆ อย่าได้ลืมว่า ตอนหนูน้อยอยู่ในท้องนั้น เงียบ มีเสียงบ้างก็ต้องผ่าน น้ำคล่ำแม่ เข้ามาทำให้เสียงนุ่มนวลลง และ อบอุ่นอยู่เสมอ ครั้นพอหนูต้องมาสัมผัสอากาศ บนดาวเคราะห์ดวงที่สามของ ระบบสุริยะแห่งนี้ แน่นอนครับ ว่าต้อง ผิดแผด แตกต่างกัน แล้วแต่ภูมิต้านทานแต่ละคน นั่นแน่นอนยิ่งนัก


บางรายอาจ จะเป็นด้วยว่า ระบบย่อยอาหารนั้น ยังทำงานไม่ปรกติเท่าใด บางรายนั้น อาจจะหนาวร้อน และยังปรับสภาพได้ไม่ดี คุณพ่อ (แม่) ก็ต้องตามประกบ เข้าไปกกเลย แบบแม่ไก่ได้ยิ่งดี ผมทำมาแล้วได้ผล ยิ่งลูกแทบได้ยินเสียงหัวใจแล้วยิ่ง แจ๋วแหวว แต่อย่าเผลอไปนอนหลับทับเธอเข้าละนะ มันจะเป็นข่าวหน้า 1 ได้ครับ
.



เทคนิคของผม ระหว่างห้วงนี้ เอาตัวรอดมาด้วยการ เข้าประคอง คอน้อยๆของลูก อุ้มขึ้นมาพาดบ่า ให้เธอนอนบนไหล่นุ่มๆ จนกว่าจะเรอออกมา ให้เธอสบายท้อง แล้วก็พาเธอเดินออกกำลังกายแบบนั้นสักพักจนแน่ใจแล้ว ถึงเอาไปนอนบนที่นอน เรียบตึง นุ่ม สะอาด ลมถ่ายเทได้สะดวก ไม่ใช่พัดลมโกรก ตรงๆนะครับ เอาเป็นว่าลมธรรมชาติได้ยิ่งดี ผมคิดว่า ใครก็ตามที่ได้อ่านบทความของผม คงสามารถจัดบรรยากาศให้ลูกได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เครื่องกรองอากาศ ฝุ่น หรือ พัดลม เพดาน เบาๆ หรือ เครื่องปรับอากาศสัก 27 องศาเซลเซียส สำหรับเมืองไทย ก็คงไม่เป็นปัญหาแน่ๆ ถ้ามันจำกัดจริงๆ ก็ ใช้วิธี สะท้อนพัดลม เข้าข้างฝาก่อน ถึงตัวหนูน้อยเอาแล้วกัน อันนี้ผมแนะนำเพื่อนๆไปบ่อยมาก และก็ได้ผลครับ เด็กๆไม่ค่อยป่วย  *ใบแดง/

และแล้ว เรื่องราวการเริ่มต้น เมื่อผมเป็นแม่ก็เริ่มขึ้นอย่าง เลี่ยงไม่ได้ ก็เราตั้งใจให้เขาเกิดมานี่นะ เป็นธรรมดา และ การตั้งใจนั้นทำให้เรา เหนื่อยน้อยลงเป็นทวีคูณ แม้จะต้องตื่นนอนบ่อย และ อาศัยการหลับไปพร้อมๆ กับลูกด้วยเลย นมพร้อมผสมตลอดเวลา ไม่รอให้ลูกร้องแล้วถึง เดินพล่านไปผสมนม แบบนี้ รับรองว่า จะเพิ่มอารมณ์ของเจ้าหนูตัวน้อยอย่างมาก คุณควรจัดระเบียบวินัยตัวเองไปด้วยเลย ยิ่งจัดเป็นระเบียบข้าวของ ยิ่งทำให้ไม่รนราน และ ไวพอจะจัดการเรื่องต่างๆ กับเจ้าตัวเล็ก ในทุกเรื่อง

ย้อนกลับไปเรื่องร้องโคลิค ผมเห็นคนอื่นๆ ในสังคมไทย แล้ว ผมคิดว่า เด็กคงหยุดร้องไห้ เพราะ สำลัก ควันธูป หรือ เมาควันธูปแหงแซะเลย เอ๊ะ หรือยังไง ลูกผมก็หยุดร้องเองนี่นา ด้วยการเลี้ยงดูของผมเองกับมือ ไม่ได้จุดไหว้เจ้าที่ใดๆ หรือว่า ลัทธิของผมไม่ได้มีการเล่าเรื่อง หรือ นับถือภูตผีปีศาจกันหนอ

เด็กร้อง ก็รู้ๆกันอยู่ว่า แรกเกิด ปรับตัว ท้องอืด ย่อยอาหารลำบาก หนาว ร้อน มดกัด แมลง ชื่นแฉะ ขับถ่ายหนัก เบา
เรื่องชื่นแฉะ จนเป็นผดผื่นนั้น สมัยนี้มี ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ขอบอกเลยว่า ยี่ห้อมาตรฐานโลกที่ผมทดลองใช้มาแล้ว ดีที่สุด ขึ้นต้นด้วย ตัว “ม” หรือ ตัว M ครับ กล่าวคือ มันซับดีเยี่ยมแล้วก็ เป็นก้อนไม่แตก เป็นระเบียบ แต่นั่นยังไม่พอสำหรับผม ยังไงน้ำ ความชื้นก็เลี่ยงไม่ได้ ถ้ามันจะเปียกก็คือ เปียก ผ้าอ้อมผืนน้อยๆ ย่อมต้องแพ้ ฉี่ตัวน้อย ที่มันเยอะๆ


วิธีของผม คือ เมื่อเวลาผ่านไป ระยะหนึ่ง ผมจับดูด้านในผ้าอ้อมแล้ว มันรู้สึกชื้นๆ ก็กะประมาณครึ่งทางของการใช้งานมัน ถ้ารู้สึกว่ามันชื้นๆแล้ว แต่ยังไม่มาก พ่อแม่ส่วนมาก ก็จะไว้แบบนั้น ยังไม่เปลี่ยน ผมมาคิดถึงตัวเองว่า ชื้นแบบนี้ เหมือนเราไปเล่นกีฬาแล้วเหงื่อซึมเลย เปลี่ยนดีไหม ถ้าเปลี่ยนเร็วไปก็ เปลือง ? และ ถ้าเราใช้ความถี่ การเปลี่ยนผ้าอ้อม ถี่ขนาดนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่ผมเปลี่ยนครับ????

ไม่ผิดหรอก ผมเปลี่ยนออกมาแต่ไม่ได้ทิ้งไปไหน ผมพลิกออกมา ผึ่งลมไว้ แล้วใส่อันใหม่ให้ลูก จนมันหมุนเวียนไปได้ครึ่งทาง เช่นกัน แล้วก็ เอาอันที่ผึ่งลมไว้ มาใส่ต่อ อันที่ถอดก็เอาไปผึ่ง ทีนี้ อันแรกก็รอเวลามันเต็ม หรือ หนูน้อยถ่ายหนักออกมาก็ทิ้งพอดี วิธีนี้ ช่วยให้ผ้าอ้อมไม่ชื้นแฉะมากเกินไปสงสารลูก ให้มันได้พักบางห้วงเวลาของมัน ลดอาการชื้นแฉะ สะสมได้มากมาย ตัวเล็กก็สบายด้วยครับ

ในตอนหน้า เข้าเดือนที่สอง จะกลับมาเล่าต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับผม มีปัญหาข้อสงสัยเชิญที่เว็บบอร์ดนะครับยินดีแนะนำ คุณพ่อมือใหม่เสมอ คุณแม่ด้วย คาดว่า หลายๆท่านที่เพิ่งมีตัวน้อยกำลัง กุมขมับตาโบ๋อยู่แน่นอน เลี้ยงด้วยตัวเอง ได้ผลคุ้มค่ากว่า ให้คนอื่นเลี้ยงนะครับ และการที่ไม่พร้อมมี พอมีแล้ว ส่งเด็กไปให้ตายายเลี้ยง ก็ขอร้องเช่นกัน ไม่พร้อม อย่าทรมานคนแก่เลย ถึงท่านจะบอกว่าแก้เหงาก็เหอะ แต่จะตกหนักที่เด็กในเรื่อง การพัฒนาตนเอง สุดท้ายก็ ประเทศไทยจงเจริญ (ประชดครับ)








 *เศร้า*  เดือนที่ 2 ก้มหน้ารับสภาพ หรือ ชื่นชม กัน ดีหนอ?




เดือนแรก จริงๆ แล้ว เก็บตกไม่หมดหรอกสำหรับวีรกรรมเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งเกิดมาหายใจนอกท้องคุณแม่ (ไม่ยักเกิดมาในท้องผมนะ อยากเป็นม้าน้ำจัง) และ มาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน เพราะด้วยตัวหนูๆแล้ว ต้อง ปรับสภาพ มากมาย อากาศก็แปลก แถมหน้า คุณพ่อ-คุณแม่ ก็แปลกประหลาดอีก และสายตาของหนูน้อย ก็ยังปรับสภาพ รับแสงได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าคิดถ่ายรูปลูกน้อยเก็บไว้ก็อย่ายิง หรือ เปิดแฟลช ใส่หน้าเธอมากเกินไปนะครับ ไม่ดีต่อสายตาทารก ทารกทั่วไปแล้วที่ผมค้นคว้า มาได้จะยังโฟกัสภาพระยะไกลไม่ได้ แรกๆคงมองแม่ พ่อ ใกล้ๆระยะ 30 เซน . 1 ฟุต ประมาณนี้ชัด ไกลกว่านี้ หนูชักแบลอแฮะ


สำหรับสิ่งที่ผมเขียนขึ้นมานี้เกิดจากสภาพการณ์ ที่ต้องอยู่ เลี้ยงลูกเองโดยลำพัง ไม่มีตัวช่วย เช่น คุณแม่ของหนูน้อย ตา ยาย ปู่ ย่า พี่เลี้ยง ใดๆ แต่ คุณพ่อ แม่ มือใหม่ ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เพราะผมยังเอาตัวรอดได้เลย ( เหงื่อตก อ้าปากค้าง ตาโบ๋ ส่วนลูกนอนยิ้มเผล่ในเบาะ) ห้วงนี้ โดยธรรมชาติแล้ว หนูชอบหลับกลางวัน ตื่นกลางคืน มาเล่น (มาทรมานคุณป๊ะป๋า หรือ คุณแม่ เล่น) เธฮคงสนุกในใจกระมัง


สาเหตุ คือ ทารกน้อยๆ ยังไม่สามารถแยกกลางวันกลางคืนได้ เลยเป็นแบบนั้น ลองฝึก ปิดไฟตามเวลาดู แล้วหนูน้อยจะเริ่มเรียนรุ้เอง แต่กรณีของผมนะ กว่าจะนอนบางที เที่ยงคืน โอโห เล่นนอนพร้อมร้านอาหารเลิกเลย เล่นแบบนี้ หนีเที่ยวไม่ได้เลย ลูกผม



ความเชื่อผิดๆ มีดังต่อไปนี้ ให้เด็กร้องซะบ้าง จะได้ปั๊มปอด และ เด็กร้องเอาแต่ใจตัวเอง (สำหรับวัยทารกแบบนี้ผมขอเถียงขาดใจ ว่า หนูน้อยไม่มีจริตพอจะมาเอาแต่ใจตัวเองหรอกครับ จำความยังไม่ได้เลย )
ครับเอาละ ผมเห็นว่าคนรุ่นก่อน รุ่นปู่ ย่า ฯชอบพูดแบบนั้น อย่าตามใจลูก “เดี๋ยวจะเสียนิสัย “ อะไรตามใจไม่ได้ ก็อย่าทำ ให้ร้องไปเลย เดี๋ยวเธอจะเอาแต่ใจตัวเอง (ร้องคือเขาไม่สบายตัว แกอึดอัดอะไรสักอย่าง นึงน่ละครับแน่นอนที่สุด และยังช่วยเหลือ ล้วงแคะ แกะเกาอะไรไม่ได้ )



มาดูวิธีเอาตัวรอดของผู้ชายผู้เป็นพ่ออย่างผม ผมต้องทำตัวเป็นคุณพ่อใบเลี้ยงเดี่ยวไร้ตัวช่วยยามค่ำคืน คำตอบมีแน่นอน สำหรับวัยสองเดือน
ก็คงไม่มีใครปล่อยลูกร้องละนะ เพิ่งออกมาตัวแดงๆเลย ขึ้นแรกพอลูกร้องมันมีหลายแบบ แบบแรกร้องงอแง หิวนม เมื่อย ขยับกินนมก็หายเงียบหลับต่อได้ อีกแบบคือ ร้องเพราะว่าเข้าขั้นที่มันเหลือทน เช่น มดกัด ยุงกัด ร้อนเหงื่อแตก หรือ ปวดท้อง จะถ่าย หนัก หรือ เบาก็ตามแต่ ปวดท้อง ท้องอืด ร้องที ชอบร้องแบบแทบหยุดหายใจ เล่นเอาแทบโทรเรียกรถพยาบาลเลย


คนมันตกใจนี่นะ คิดอยู่นาน ทำทุกทางให้ลูกหยุดร้อง แต่พอจะถอดใจหาตัวช่วย ก็หยุดร้อง จับเวลาได้เฉลี่ยที่ร้องหน้าดำ หน้าแดง หรือ อาการร้อง 100 วันนั้น ประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้นเอง
สิ่งที่ผมทำอย่างแรก คือ ร้องปุ๊บ ถ้าอุ้มอยู่จะสำรวจตัวเองทันที อุ้มไปบิดไปจับผิดท่าผิดทางหรือเปล่านะ หรืออย่างไรกันแน่


เสร็จจับหนูน้อยไปนอนบนเบาะที่นอนของแก แล้วสำรวจทั่วตัวด้วยความเร็ว เหมือนกับลังลูบตัว ตรวจอาวุธ ยังไงยังงั้น พลิกตัวดูหมดเลย หลัง หน้า คอ ใบหู ผม รูหู ตา จมูก ปาก คอ(คอเจ็บไหม มีอะไรผิดปกติหรือไม่) มือ เท้า ผมสำรวจหมดนี่ แบบลูบคลำเอา และเร่งดู ให้เสร็จเร็วที่สุด ในเวลา ไม่ถึง 20 วินาที เหตุผลเพราะว่า ยิ่งร้องนานแกยิ่งกลั้น และยิ่งเหนื่อย คนร้อง และคนอุ้มคนเลี้ยงจะ แย่เอาได้ครับกรณีแบบนี้





และบางทีก็เจอคำตอบเป็นเจ้ามดเล็กๆ ยุง ตัวใหญ่ หรือ อะไรก็ตามแต่ บางที เจอท้องของแกเอง ป่องแข็งเชียว นมไม่ยอมย่อย ท้องอืดนั่นเอง หรือ บางทีก็ เกิดแก๊สในท้องเยอะไปหน่อย

สิ่งที่พึ่งพาได้ คือ สมุนไพรไทย แบบ มหาหิงคุ์ ทาท้อง หรือ ถ้าอยุ่ เมืองนอกไม่มีก็ ใช้ ไกร์ปวอเตอร์ หรือ เบบี้ดอล มันก็ คือ ยาธาตุสำหรับเด็กนั่นเอง น้ำใสๆ กินแล้วผายลม แข่งกันได้เลย กินไปกับลูกก็ได้นะ เพราะเลี้ยงกันตลอดเวลา ใช้กำลังภายในเยอะมากๆ อาจจะท้องอืดกว่าลูกก็ได้ 555



ก็เจ้าอาการร้องโคลิค 100 วัน (เด็กเห็นผีที่ ผู้เฒ่าชอบเรียกนั่นละ เล่นสร้างเป็นหนังเอาจริงจังเลยนะ) เวลาผู้ใหญ่สอนมาผม มักโดนด่า เวลาโทรไปถาม (ผมอยู่ไกลจาก ผู้เฒ่า และญาติกามากๆครับ มากกว่าจะร้องขอให้มาช่วยเลี้ยงได้) ผมมักโดนด่า ว่าลบหลู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ สิ่งที่มองไม่เห็น แต่เอ๊ะ ผีบ้าน ผีเรือนนี่สุงตรงไหนไม่ทราบได้นะ ที่นับถือน่ะ


ผมนับถือ ทุกอย่าง ที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต ข้าวของ เครื่องใช้ ผมนับถือหมด และดูแล ทำความสะอาดอย่างดี เป็นการตอบแทนสิ่งของที่อำนวยความสะดวกให้เรา เป็นอุบายส่วนตัวที่เอื้อ ต่อตัวเรา และสิ่งของให้คุ้มค่าเงินที่สุดเท่าที่จะเป็นได้



แถมท้ายนิดแบบไม่เกรงใจใครว่า ใครถือศาสนาพุทธ พึ่งระลักไว้ว่า ในพระไตรปิฏก ไม่ได้บัญญัติเรื่องพวกนี้ไว้ และ สิ่งที่พระไตรปิฏก กล่าวไว้ล้วนแต่เป็น ธรรม ซึ่งหมายถึง ธรรมชาติ ความเป้นอยู่ของมนุษย์ รวมรวบสิ่งเหมาะสมเกื้อกูลให้เป็นไปโดยธรรมชาติที่ ทดสอบแล้วอยู่แบบไหน ดีที่สุด สุขที่สุด


แถมอีกนิดที่2 ว่า ใครถือศาสนาคริสต์ ก็ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้เขียนไว้ใน ไบเบิ้ลแต่อย่างใดเช่นกันครับเลยอยากให้คุณพ่อ แม่ มือใหม่ เชื่อหู ไว้หู ฟัง แล้วเก็บมาคิด และปฏิบัติต่อลูกของเราอย่าง เป็นกลาง ที่สุด สุดท้ายหนูน้อย ก็จะซึมซับเอาจากเราไป และผลจะออกมาตอนเขาโตไปแล้ว



มีผลการวิจัยกล่าวไว้ว่า เด็กที่มีการพัฒนาด้านสมอง และทักษะนั้น จะพัฒนา ในช่วยแรกเกิด มา จนถึง 6 หรือ 7 ขวบนี้ละ ถ้าปลูกฝัง และพัฒนาเต็มที่ในด้านไหน แบบไหน ก็จะได้อย่างนั้นเลย อย่าผัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด ให้ทำทุกนาทีให้ดีที่สุด เดือนที่สองนี้ ผมว่า ท้อแท้นะ ร้องเพลงไม่เป็นเพลงเลยละ



กลับมาเรื่องโดนด่า เรื่องปรึกษา กับผู้ใหญ่ก่อน ผม ไม่ได้ลบหลู่ โบราณ แต่ผม แค่เถียงว่า ไม่มีหรอกผีมากวนคนไม่ให้ หลับ นอน เนี่ย ใครจะว่าไงก็ช่าง แต่ผมว่า บรรดาผีๆ คงไม่ว่าง มากวนเด็กทั้งโลกที่เกิดวันละนับไม่ถ้วนละมั้ง เยอะจัด และอีกอย่าง ไม่ว่าศาสนาพุทธ พระไตรปิฏก ศาสนาคริสต์ คัมภีร์ไบเบิ้ล ไม่เคยกล่าวถึง เรื่อง ภูตผี ปีศาจ อภินิหารใดๆไว้เลย และต่อต้านความเชื่อผิดๆ ด้วยซ้ำไป

*ด่าเลย*


ในเรื่องนี้ เหตุนี้ทำให้ผม ยิ่งต้องดูแล ลูกน้อยอย่างดี มีคนยิ่งทักมากผมยิ่งหันไปคุยกับลูกบ่อยๆ ขำกันเองพ่อลูกว่า “ถ้าผีมีจริง ก็รับสมัครผีสาวๆ อายุสักสองสามร้อยปีหน่อยนะ พ่อจะ ปล้ำทำเมียอีกคน เอามาช่วยเลี้ยงหนู เป็นแม่นมซะเลย ดีไหมลูกจ๋า”



ผล คือ หนูน้อยก็มองหน้า ทำตาแปลกๆ แล้วก็หลับไปในอ้อมอก ในเวลา ที่ผมได้กล่าวไว้ คือ 10-15 นาทีนั่นเอง ไม่มีอะไรผิดแปลก คาดเดาว่าเด็ก สื่อสาร น้ำเสียง กับ พ่อแม่ ได้ตั้งแต่ อยู่ในท้องแล้ว จำเสียงได้ และจับอารมณ์เราได้ ดังนั้นไม่ว่าจะร้องอย่างไร อย่า แสดงสีหน้า อารมณ์เครียดให้ลูกเห็น


พยายามสกัดกั้นอารมณ์เอาไว้ให้ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาเล่นกับ พ่อ แม่เถอะนะเด็กดี good-boy good-girl นะสักพักบรรยากาศจะดีขึ้นเอง ถ้าเราเครียดก็ยิ่งเท่ากับ ทำร้ายตัวเองให้ตกหนัก และอารมณ์เด็กก็จะร้ายไปด้วย

ความรวดเร็ว แม่นยำ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเป็นพ่อแม่ แน่นอนครับมันไม่มีอยู่ในคุณสมบัติ คนส่วนมาก คนปกติก็จะมีความคล่องตัวน้อย ไม่เร็ว โดยเฉพาะในเรื่องที่ต้องปฏิบัติกับ สิ่งมีชีวิต คือ ลูกคนแบบนี้แล้วด้วยละก็ ยิ่งต้องแย่ และระวังใหญ่ ก็หนูตัวเล็ก คออ่อนงอกแงก ๆ


สุดท้ายของเดือนที่ 2 ระวังคนข้างๆ เวลาลูกร้องมากๆยามค่ำคืนนะครับ เขาจะโผล่มา จุดธูปควันโขมงพร้อมพวงมาลัยดอกไม้กำ สุดท้ายลูกเราก็เมาควันธูปของคุณปู่ คุณย่า สลบไปในที่สุด

ความคิดเห็น