เผยผลวิจัย เด็กไทย 1 ใน 4 ยิ่งโตยิ่งโง่!

เผยผลวิจัย เด็กไทย 1 ใน 4 ยิ่งโตยิ่งโง่!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    



เปิดผลวิจัยเด็กไทย 1 ใน 4 สมองทึบตกเกณฑ์มาตรฐาน ชี้ยิ่งโตยิ่งโง่ เหตุปัจจัยสิ่งแวดล้อม อาหาร หลักสูตรการศึกษา 
ขณะที่ “หมอประเวศ” ย้ำจีดีพีไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดการพัฒนาประเทศ ชี้ข้อมูลสำคัญมากถ้าพัฒนาระบบ
       
       วันนี้ (17 ก.พ.)  ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) 
สำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 
และภาคีเกี่ยวข้องรวม 30 องค์กร จัดการประชุมวิชาการ ระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 
หัวข้อ “ข้อมูลสุขภาพเข้มข้น สุขภาพชุมชนเข้มแข็ง”
       
        ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า การพัฒนาประเทศไม่ควรใช้จีดีพีเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาประเทศ 
แต่ควรตั้งเป้าหมายไปที่การมีสุขภาพดี เพราะสุขภาพหมายถึงทุกอย่างทั้งกายและใจ 
ซึ่งประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีได้ 
แต่ต้องทำให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุล หากนำข้อมูลมาคิดและปฏิบัติ และวิเคราะห์ ก็จะเกิดเป็นความรู้
       
       “การพัฒนาระบบสุขภาพควรเริ่มจากชุมชน คือไม่ทิ้งกัน ควรมีการสำรวจประชากร เช่น คนจน พิการ คนชรา 
ว่าถูกทอดทิ้งหรือไม่ เท่าไร เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการช่วยเหลือ ขณะที่ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ 
ต้องทำงานเชิงรุก อย่างบางจังหวัดมีพยาบาลเยอะ ก็ควรมีระบบส่งเสริมให้พยาบาลไปเป็นอาสาพยาบาลในชุมชน 
โดยอาจเพิ่มแรงจูงใจ ซึ่งหากมีการดำเนินการมากขึ้นก็อาจจะจัดตั้งเป็นคลินิกพยาบาลเวชปฏิบัติ ขายไปตามศูนย์อนามัยต่างๆ 
ได้อีกทาง” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว
       
        ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) 
กล่าวว่า ระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบสุขภาพ ทั้งใน พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 
และธรรมนูญสุขภาพว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2552 การมีข้อมูลข่าวสารสุขภาพที่ดี 
หมายถึงการนำข้อมูลแปลงเป็นสารสนเทศ แล้วสร้างให้เกิดความรู้ 
จึงเป็นเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศและท้องถิ่นให้เข้มแข็ง 
การมีข้อมูลข่าวสารสุขภาพที่ดีเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างระบบข้อมูลและความรู้ที่ยั่งยืน
       
        รศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ผอ.สำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย 
กล่าวถึงวิจัยเรื่องการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายว่า 
ประเทศไทยทำโครงการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยทั่วประเทศใน 21 จังหวัดครั้งล่าสุดในปี 2551-2552 ในประชากร 
ด้วยการสัมภาษณ์ ตรวจสุขภาพ เช่น ตรวจเลือด วัดความสูง น้ำหนัก พบกลุ่มตัวอย่างอายุ 1-14 ปี จำนวน 9,000 คน 
ในเรื่องการพัฒนาการทางสมอง ข้อมูลเบื้องต้นถือว่าน่าตกใจ เพราะมีเด็กที่มีเชาวน์ปัญญา(IQ) ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาตรฐาน 
คือ 90 จุดลงมา มีถึง 1 ใน 4 หรือประมาณร้อยละ 25 ส่วนเด็กไอคิวปกติ 90-109 อยู่ที่ร้อยละ 40 และไอคิวเกินมาตฐานแบ่งเป็น 
สมองดีร้อยละ 12 ฉลาดละ 3 และอัจฉริยะร้อยละ 2 ซึ่งเกณฑ์ของไอคิวที่ต่ำกว่ามาตรฐานไม่ควรมีเกินจำนวน 1 ใน 4
       
       “ผลจากการสำรวจเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า พัฒนาการของเด็กลดลงเมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน แสดงให้เห็นว่าสิ่งแวดล้อม 
การศึกษา อาหาร มีส่วนประกอบทำให้เด็กไอคิวแย่ลง ซึ่งควรนำข้อมูลดังกล่าวไปสู่การวางแผนปรับแก้การกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก
ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งที่ผ่านมาจากการสำรวจหลายครั้งก็ยังได้ผลใกล้เคียงกับตัวเลขดังกล่าว 
ทั้งนี้โอกาสที่จะพัฒนาเด็กให้มีไอคิวดีขึ้นสามารถทำได้ด้วยการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม อาหาร หลักสูตรการศึกษา 
อาจจะสามารถแก้ปัญหาได้” รศ.นพ.วิชัย กล่าว

ความคิดเห็น