หนังสือดีที่พ่อแม่ควรอ่าน “พูดกับลูกอย่างไร ให้เขาเชื่อฟังและไม่ต่อต้านเรา ฟังลูกพูดอย่างไร ให้เขาไว้ใจไม่ปิดบังเรา”




(How To Talk So Kids Will Listen & Listen So Kids Will Talk)
วิธีพูดกับเด็กและวัยรุ่น-ภาคปฏิบัติ เพื่อช่วยให้เขายอมรับ เชื่อฟัง และไว้วางใจเรา


จริงๆ ซื้อหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ลูกอายุได้ไม่กี่เดือน แต่ไม่มีเวลาอ่านอย่างจริงจัง เพราะต้องความที่เลี้ยงลูกเต็มเวลา เลยหาเวลาส่วนตัวได้น้อยเต็มที แต่ก็อ่านเก็บรายละเอียดคร่าวๆ เอาไปใช้ได้บ้างเล็กน้อย

พอดีช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้เดิน ทางไปต่างจังหวัด เลยพอจะมีเวลาระหว่างนั่งรถบ้าง ก็เลยติดเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ รับมือกับช่วงเวลา Terrible 2 ที่กำลังจะมาถึง ที่ใครๆ ที่มีลูก ต่างก็พูดกันว่าสุดยอดดดดดดดด

ถ้าใครยังไม่เคยมีลูกอ่าจจะยังไม่ เคยได้ยินหรือรู้จักกับ Terrible 2 หรือคนที่ลูกแล้วก็อาจจะยังไม่มีข้อมูล ไปทำความรู้จักกับมันได้ที่ http://mothercorner.com/index.php?topic=933.0


รายละเอียดคร่าวๆ ในหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงวิธีรับมือในสถานการณ์ต่างๆ ที่ลูกไม่ให้ความร่วมมือ โดยผู้ใหญ่อย่างเราๆ มักจะเหมาไปเองว่า ลูกดื้อ, เอาอีกแล้วนะ, โตแล้ว ชักจะดื้อด้านใหญ่แล้ว, ฯลฯ

จริงแล้วผู้เขียนได้บอกให้เรารู้ว่า มีวิธีการจัดการกับสิ่งที่เด็กแสดงออกมาได้มากมายหลายวิธี โดยคนเป็นพ่อแม่้ลองเปลี่ยนทัศนคติและวิธีคิด โดยพยายามเข้าใจในตัวเด็ก และเปลียนวิธีการในการแสดงออก ซึ่งจะสามารถทำให้ลูกคล้อยตาม และประพฤติตัวเหมาะสมได้

หลายๆ เรื่องในหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องที่เราเคยเอามาทำตาม โดยปรับให้เข้ากับสถานการณ์แล้วพบว่าใช้งานได้จริงๆ และใช้ได้ดีซะด้วย อยากรู้ว่าดียังไง ต้องลองไปหามาอ่านกันดู คนที่ไม่มีลูกก็อ่านได้ เพราะเป็นการฝึกใช้คำพูดต่อคนรอบข้าง ซึ่งทำให้บรรยากาศที่บ้าน และที่ทำงานดีขึ้นได้


เรื่องที่ชอบที่สุดคือ บทที่ 3 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟัง โดยไม่ต้องใช้การลงโทษหรือข่มขู่บังคับ

บทนำของบทที่ 3 พูดว่า “ปัญหาของการทำโทษ คือ “มันใช้ไม่ได้ผล” มันเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนเด็ก เพราะแทนที่เด็กจะรู้สึกเสียใจในความผิดที่เขาทำ หรือคิดว่าเราควรจะต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเองอย่างไร แต่กลับทำให้เขามุ่งแต่จะคิดแก้แค้น หรือกว่างอีกนัยหนึ่งคือ เขาขาดโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเอง ถึงบทเรียนจากการกระทำผิดของตน”


ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ กันดีกว่า








หรือแม้แต่ในบทที่ 6 วิธีช่วยเด็กให้หลุดพ้นจากการถูกตราหน้า ก็เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

เคยมั้ยที่บางทีเห็นผู้ใหญ่่บางคนชอบตราหน้าเด็กว่าเป็น… เจ้าเด็กดื้อ, เจ้าเด็กขี้เกียจ

บทที่ 6 นี้ มีคำตอบดีๆ ให้ได้อ่าน ว่าผลเสียของคำพูดที่ผู้ใหญ่ไม่ได้คิดว่าจะมีผลใดๆ กับเด็ก กลับมีผลกับเด็กได้อย่างมหาศาล อาจเปลี่ยนชีวิตเด็กไปเลยก็ได้


มาดูแต่ละบทเรียนกันดีกว่าว่าใน หนังสือ “พูดกับลูกอย่างไร ให้เขาเชื่อฟังและไม่ต่อต้านเรา ฟังลูกพูดอย่างไร ให้เขาไว้ใจไม่ปิดบังเรา” สอนอะไรเราบ้าง
1. วิธีช่วยให้เด็กสามารถจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของเขาเอง
2. พูดอย่างไรจึงจะทำให้เด็กเชื่อฟังและให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ
3. วิธีสอนลูกให้เชื่อฟัง โดยไม่ต้องใช้การลงโทษหรือข่มขู่บังคับ
4. วิธีพูดเพื่อปลูกจิตสำนึก และส่งเสริมให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง
5. วิธีที่ถูกต้องในการกล่าวชมเชยหรือตักเตือนเด็ก
6. วิธีช่วยเด็กให้หลุดพ้นจากการถูกตราหน้า
7. วิธีนำทักษะทั้งหมดมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก


:: เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจมุมมองของลูก และสามารถสื่อสารกับเขาทั้งการพูดและการฟังที่ดี จนทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการสื่อสารกับเด็ก ซึ่งได้นำหลักการสำคัญทางจิตวิทยา ของจิตแพทย์เด็กผู้มีชื่อเสียง ดร.เฮม จีนอตต์ มาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณและครอบครัวไปในทางที่ดี ขึ้นได้


ครอบครัวไหนที่มีปัญหากับลูก ลองหาหนังสือดีๆ แบบนี้มาอ่านดู แม้ว่าลูกยังเล็กก็สามารถอ่านได้ เพราะสามารถนำมาใช้ได้ตั้งแต่ลูกยังไม่ถึงขวบเลยด้วยซ้ำ


ความคิดเห็น