การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว

การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว หลังคลอดลูก หากคุณแม่ให้นมลูกเอง นน.จะลงมาเป็นปกติภายใน 1-6 ด.โดยไม่ต้องซื้อคอร์สลดนน.ราคาแพง หรือ ซื้อยาลดนน.จากอินเตอร์เนทที่เป็นอันตรายมากิน โดยมีข้อแม้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน คุณแม่ควรควบคุมน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 10-12 กก.ตลอดการตั้งครรภ์ โดยที่ 3 ด.แรก น้ำหนักต้องไม่ขึ้นเลย 3 ด.ถัดมาขึ้น 6 กก. และ 3 ด.สุดท้ายขึ้น 6 กก. ใครที่นน.ขึ้นเกินจากนี้ ไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าตอนท้องเป็นช่วงโปรโมชั่น อยากกินอะไรก็กินได้ตามใจอยาก อ้วนได้ไม่มีใครกล้าว่า แล้วคิดกินเพื่อลูก โด๊ปอาหารก่อภูมิแพ้เข้าไปมากมาย นมวัวเอย ผลิตภัณฑ์นมวัวเอย ทั้งชีส เค้ก ไอศครีม นมถั่วเหลืองซื้อมาเป็นลังๆ ไข่กินวันละหลายๆฟอง ขนมนมเนยทุกชนิด ปลาแซลมอนทุกมื้อ ผลที่ตามมา คือ แม่อ้วนทำให้เสี่ยงต่อเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ลูกเสี่ยงกับภาวะแพ้โปรตีนกลุ่มเสี่ยง พอคลอดลูกเสร็จ ก็ยังกินบำรุงน้ำหนักต่อ โดยคิดว่าจะทำให้ผลิตน้ำนมได้เยอะ ผลที่เกิดขึ้นคือ น้ำหนักส่วนเกินยังคงอยู่สะสมในร่างกาย แต่น้ำนมไม่ได้เพิ่มขึ้น (ดังรูปบน) เพราะปริมาณน้...

บทความ เลี้ยงลูกถนัดซ้าย โดย พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว

 บทความ เลี้ยงลูกถนัดซ้าย


โดย พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านที่รัก

วันนี้มาชวนคุยเรื่องความถนัดซ้าย-ขวาของคนเราว่ามีข้อมูลอะไรน่าสนใจ

เพราะไปอ่านเจอจากบทความชื่อ Raising a Left-Handed Child เขียนโดยคุณ Fritz Lenneman

ให้ข้อมูลว่าเมื่อเทียบจากประชากรทั้งหมดในโลก

จำนวนคนที่ถนัดซ้ายมีประมาณ 11 เปอร์เซนต์

ที่เหลือส่วนใหญ่ก็ถนัดขวา

ดังนั้นกลุ่มคนถนัดซ้ายจึงเป็นประชากรส่วนน้อยกว่าไปโดยปริยาย

ซึ่งคุณสมบัตินี้ไม่ได้บอกว่าใครดี/ไม่ดี เก่ง/ไม่เก่ง

ก็เหมือนกับเรื่องรูปพรรณสัณฐาณภายนอกของมนุษย์ที่มีสูง ต่ำ ดำ ขาว

(อย่าไปยึดติดมาก)

ทีนี้ลองมาดูว่าถ้าลูกคุณเป็นคนถนัดซ้ายจริงๆหรือคุณยังไม่แน่ใจว่าลูกถนัดข้างไหน

มีอะไรน่ารู้ในเรื่องนี้บ้าง

1: ลูกถนัดซ้ายจริงหรือเปล่า จะรู้ได้อย่างไร

คำถามที่ว่าความถนัดซ้ายหรือขวาของมนุษย์มีอะไรเป็นตัวกำหนด

คำตอบก็มาจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อ คุณ Clyde Francks

ที่ค้นพบว่ายีน (สารพันธุกรรมที่ถ่ายทอดคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นถัดไป)

ที่เรียกว่า LRRTM1 เป็นตัวกำหนดความถนัดซ้ายที่คุณพ่อถ่ายทอดไปสู่ลูก

(งานนี้คุณแม่ไม่เกี่ยว)
พ่อแม่จะเริ่มสังเกตความถนัดของลูกได้ตั้งแต่อายุ 7- 9 เดือน

โดยดูง่ายๆจากการที่ลูกมักใช้มือข้างไหนหยิบของเล่นหรืออาหาร

แต่ความถนัดนี้จะยังไม่ชัดเจนจริงจังจนกว่าเด็กอายุประมาณ 2- 3 ขวบ

จึงจะบอกได้แน่นอนว่าลูกถนัดข้างไหน


2: ถ้าลูกถนัดซ้าย เขาก็เป็นเด็กที่แตกต่างจากเด็กถนัดขวาแตกต่างอย่างไร

คนถนัดซ้ายคิดต่างจากคนถนัดขวา

ในคนที่ถนัดขวา สมองซีกซ้ายจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือขวาและรับผิดชอบความสามารถด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็นการฟัง/พูด/อ่าน/เขียน รวมถึงคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นสมองส่วนที่ใช้ความคิดการใช้เหตุใช้ผลเป็นหลัก

ส่วนสมองซีกขวาจะควบคุมการทำงานของมือซ้ายและควบคุมความเป็นศิลปินในตัวเราพวกเรื่องอาร� ��ณ์ ความรู้สึก ทักษะด้านดนตรี วาดรูป ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ อะไรประเภทนั้น

ที่นี้เอาใหม่ ในคนที่ถนัดซ้าย การทำงานของสมองจะเกิดขึ้นตรงข้ามกับคนถนัดขวา

นั่นคือ สมองซีกขวาควบคุมด้านภาษาและการใช้เหตุใช้ผล
ส่วนสมองซีกซ้ายจะมีหน้าที่ควบคุมด้านอารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก

นอกจากนี้ยังพบว่าสมองส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่างซ้าย-ขวาที่เรียกว่า

corpus callosum (คอปัส คอลอสซัม)

มีหน้าที่ในการเชื่อมโยงประสานการทำงานระหว่างสมอง 2 ซีกในคนถนัดซ้ายจะมีขนาดใหญ่กว่าของคนถนัดขวาถึง 11 เปอร์เซนต์ เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากสมองของคนถนัดซ้ายนั้นต้องทำงานหนักกว่าในการประสานส่งผ่าน� ��้อมูลที่ได้รับมาจากโลกที่มีคนถนัดขวาอยู่มากกว่า (ที่อะไรๆก็เอื้อต่อการดำเนินชีวิตของคนถนัดขวา)

เมื่อทำงานมากกว่า ก็เลยใหญ่กว่า


3: ลองฝึกลูกถนัดซ้ายให้มีทักษะการพูดในที่สาธารณะ

ทำไมแนะนำอย่างนี้

อ้างว่าจากจำนวนของอดีตประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด

มีคนถนัดซ้ายอยู่ 7 คน นี่ยังไม่นับรวมประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Barack Obama

และคู่แข่งขันคนสำคัญคือ John McCain ที่ต่างก็ใช้มือซ้ายเขียนหนังสือทั้งคู่

นั่นจึงเป็นที่มาของคำแนะนำ (แบบขำๆ) ว่าถ้าบังเอิญลูกคุณถนัดซ้าย ไม่แน่ว่าเขา/ หรือเธออาจจะมีโอกาสในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยในอนาคตก็ได้

ใครจะไปรู้ เตรียมตัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย

4: ส่งเสริมความเป็นศิลปิน จิตรกรน้อยให้กับลูกถนัดซ้าย

ศิลปินระดับโลกส่วนใหญ่ถนัดซ้าย ตัวอย่างเช่น คุณลุง M.C. Escher, คุณลุงLeonardo da Vinci, คุณปู่ Michelangelo และ คุณพี่ Rembrandt

(หมอเรียกนับญาติซะสนิทเชียว ขอบอกก่อนว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเลยนะคะ)

แต่มีข้อยกเว้นก็คือคุณลุง Pablo Picasso ที่โด่งดังก้องโลกเช่นกันแต่ถนัดขวา
ในบทความบอกว่าการวาดรูปหรือการสร้างสรรค์งานศิลปะบนแผ่นกระดษษหรือผืนผ้าใบ

ไม่ใช่ความสามารถอย่างเดียวที่คนถนัดซ้ายมี

มีงานวิจัยพบว่านักเรียนและครูบาอาจารย์ด้านดนตรี สถาปัตยกรรม

รวมถึงที่น่าแปลกใจก็คือด้านคณิตศาสตร์ชั้นสูงล้วนแล้วแต่เป็นคนถนัดซ้ายเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าคนถนัดซ้ายจะมีความเป็นอัจฉริยะกันไปหมดทุกคน

การเลี้ยงดูที่ส่งเสริมและให้โอกาสลูกในการฝึกฝนทักษะจากพรสวรรค์ที่มีอยู่จะยิ่งทำให้ค� ��ามสามารถของเด็กยิ่งโดดเด่นชัดเจนขึ้น


5 : รายได้ของคนถนัดซ้ายทีมนักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins และวิทยาลัย Lafayette ตั้งคำถามว่าคนทำงานที่ถนัดซ้ายจะมีรายได้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคนถนัดขวา

พบว่าถ้าเป็นงานประเภทที่ต้องใช้แรงงาน ต้องใช้พวกเครื่องไม้เครื่องมือ

คนถนัดซ้ายจะทำรายได้ได้น้อยกว่า

(หมอเดาว่าเเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ทำงานอาจไม่เหมาะกับคนถนัดซ้าย

ทำให้ผลิตงานออกมาได้น้อยกว่า ก็เลยได้เงินน้อยกว่า)

แต่ถ้าเป็นคนถนัดซ้ายที่มีการศึกษาขึ้นมาหน่อยคือเรียนจนจบวิทยาลัยขึ้นไป

กลับพบว่าคนถนัดซ้ายทำรายได้มากกว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่ถนัดขวาอยู่ถึง 15 เปอร์เซนต์

(ไม่ได้อธิบายเหตุผลไว้ด้วยนะคะ คุณลองเดาเล่นๆดูเอง)


เอาหละค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องเล่าที่หมอนำมาฝาก

ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกับการทำนายความเก่งหรือไม่เก่ง ดีหรือไม่ดี

การประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเด็กในอนาคต

สิ่งที่หมออยากจะบอกกับคุณที่รักไม่ว่าคุณจะมีลูกถนัดซ้ายหรือขวาก็คือ

เด็กทุกคนต้องการความรักเอาใจใส่จากพ่อแม่และคนที่รักเขา

และเด็กจะรับรู้ความรักนั้นได้ด้วยการแสดงออกของพ่อแม่ซ้ำๆ สม่ำเสมอ

โดยการพูดบอก การกอด การสัมผัสอย่างอ่อนโยน

รวมถึงการใช้เวลาทำอะไรดีๆ เพลินๆ มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้างด้วยกัน

ความคิดเห็น