บทความ เลี้ยงลูกถนัดซ้าย โดย พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว
บทความ เลี้ยงลูกถนัดซ้าย
โดย พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านที่รัก
วันนี้มาชวนคุยเรื่องความถนัดซ้าย-ขวาของคนเราว่ามีข้อมูลอะไรน่าสนใจ
เพราะไปอ่านเจอจากบทความชื่อ Raising a Left-Handed Child เขียนโดยคุณ Fritz Lenneman
ให้ข้อมูลว่าเมื่อเทียบจากประชากรทั้งหมดในโลก
จำนวนคนที่ถนัดซ้ายมีประมาณ 11 เปอร์เซนต์
ที่เหลือส่วนใหญ่ก็ถนัดขวา
ดังนั้นกลุ่มคนถนัดซ้ายจึงเป็นประชากรส่วนน้อยกว่าไปโดยปริยาย
ซึ่งคุณสมบัตินี้ไม่ได้บอกว่าใครดี/ไม่ดี เก่ง/ไม่เก่ง
ก็เหมือนกับเรื่องรูปพรรณสัณฐาณภายนอกของมนุษย์ที่มีสูง ต่ำ ดำ ขาว
(อย่าไปยึดติดมาก)
ทีนี้ลองมาดูว่าถ้าลูกคุณเป็นคนถนัดซ้ายจริงๆหรือคุณยังไม่แน่ใจว่าลูกถนัดข้างไหน
มีอะไรน่ารู้ในเรื่องนี้บ้าง
1: ลูกถนัดซ้ายจริงหรือเปล่า จะรู้ได้อย่างไร
คำถามที่ว่าความถนัดซ้ายหรือขวาของมนุษย์มีอะไรเป็นตัวกำหนด
คำตอบก็มาจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อ คุณ Clyde Francks
ที่ค้นพบว่ายีน (สารพันธุกรรมที่ถ่ายทอดคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นถัดไป)
ที่เรียกว่า LRRTM1 เป็นตัวกำหนดความถนัดซ้ายที่คุณพ่อถ่ายทอดไปสู่ลูก
(งานนี้คุณแม่ไม่เกี่ยว)
พ่อแม่จะเริ่มสังเกตความถนัดของลูกได้ตั้งแต่อายุ 7- 9 เดือน
โดยดูง่ายๆจากการที่ลูกมักใช้มือข้างไหนหยิบของเล่นหรืออาหาร
แต่ความถนัดนี้จะยังไม่ชัดเจนจริงจังจนกว่าเด็กอายุประมาณ 2- 3 ขวบ
จึงจะบอกได้แน่นอนว่าลูกถนัดข้างไหน
2: ถ้าลูกถนัดซ้าย เขาก็เป็นเด็กที่แตกต่างจากเด็กถนัดขวาแตกต่างอย่างไร
คนถนัดซ้ายคิดต่างจากคนถนัดขวา
ในคนที่ถนัดขวา สมองซีกซ้ายจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือขวาและรับผิดชอบความสามารถด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็นการฟัง/พูด/อ่าน/เขียน รวมถึงคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นสมองส่วนที่ใช้ความคิดการใช้เหตุใช้ผลเป็นหลัก
ส่วนสมองซีกขวาจะควบคุมการทำงานของมือซ้ายและควบคุมความเป็นศิลปินในตัวเราพวกเรื่องอาร� ��ณ์ ความรู้สึก ทักษะด้านดนตรี วาดรูป ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ อะไรประเภทนั้น
ที่นี้เอาใหม่ ในคนที่ถนัดซ้าย การทำงานของสมองจะเกิดขึ้นตรงข้ามกับคนถนัดขวา
นั่นคือ สมองซีกขวาควบคุมด้านภาษาและการใช้เหตุใช้ผล
ส่วนสมองซีกซ้ายจะมีหน้าที่ควบคุมด้านอารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังพบว่าสมองส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่างซ้าย-ขวาที่เรียกว่า
corpus callosum (คอปัส คอลอสซัม)
มีหน้าที่ในการเชื่อมโยงประสานการทำงานระหว่างสมอง 2 ซีกในคนถนัดซ้ายจะมีขนาดใหญ่กว่าของคนถนัดขวาถึง 11 เปอร์เซนต์ เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากสมองของคนถนัดซ้ายนั้นต้องทำงานหนักกว่าในการประสานส่งผ่าน� ��้อมูลที่ได้รับมาจากโลกที่มีคนถนัดขวาอยู่มากกว่า (ที่อะไรๆก็เอื้อต่อการดำเนินชีวิตของคนถนัดขวา)
เมื่อทำงานมากกว่า ก็เลยใหญ่กว่า
3: ลองฝึกลูกถนัดซ้ายให้มีทักษะการพูดในที่สาธารณะ
ทำไมแนะนำอย่างนี้
อ้างว่าจากจำนวนของอดีตประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
มีคนถนัดซ้ายอยู่ 7 คน นี่ยังไม่นับรวมประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Barack Obama
และคู่แข่งขันคนสำคัญคือ John McCain ที่ต่างก็ใช้มือซ้ายเขียนหนังสือทั้งคู่
นั่นจึงเป็นที่มาของคำแนะนำ (แบบขำๆ) ว่าถ้าบังเอิญลูกคุณถนัดซ้าย ไม่แน่ว่าเขา/ หรือเธออาจจะมีโอกาสในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยในอนาคตก็ได้
ใครจะไปรู้ เตรียมตัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
4: ส่งเสริมความเป็นศิลปิน จิตรกรน้อยให้กับลูกถนัดซ้าย
ศิลปินระดับโลกส่วนใหญ่ถนัดซ้าย ตัวอย่างเช่น คุณลุง M.C. Escher, คุณลุงLeonardo da Vinci, คุณปู่ Michelangelo และ คุณพี่ Rembrandt
(หมอเรียกนับญาติซะสนิทเชียว ขอบอกก่อนว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเลยนะคะ)
แต่มีข้อยกเว้นก็คือคุณลุง Pablo Picasso ที่โด่งดังก้องโลกเช่นกันแต่ถนัดขวา
ในบทความบอกว่าการวาดรูปหรือการสร้างสรรค์งานศิลปะบนแผ่นกระดษษหรือผืนผ้าใบ
ไม่ใช่ความสามารถอย่างเดียวที่คนถนัดซ้ายมี
มีงานวิจัยพบว่านักเรียนและครูบาอาจารย์ด้านดนตรี สถาปัตยกรรม
รวมถึงที่น่าแปลกใจก็คือด้านคณิตศาสตร์ชั้นสูงล้วนแล้วแต่เป็นคนถนัดซ้ายเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าคนถนัดซ้ายจะมีความเป็นอัจฉริยะกันไปหมดทุกคน
การเลี้ยงดูที่ส่งเสริมและให้โอกาสลูกในการฝึกฝนทักษะจากพรสวรรค์ที่มีอยู่จะยิ่งทำให้ค� ��ามสามารถของเด็กยิ่งโดดเด่นชัดเจนขึ้น
5 : รายได้ของคนถนัดซ้ายทีมนักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins และวิทยาลัย Lafayette ตั้งคำถามว่าคนทำงานที่ถนัดซ้ายจะมีรายได้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคนถนัดขวา
พบว่าถ้าเป็นงานประเภทที่ต้องใช้แรงงาน ต้องใช้พวกเครื่องไม้เครื่องมือ
คนถนัดซ้ายจะทำรายได้ได้น้อยกว่า
(หมอเดาว่าเเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ทำงานอาจไม่เหมาะกับคนถนัดซ้าย
ทำให้ผลิตงานออกมาได้น้อยกว่า ก็เลยได้เงินน้อยกว่า)
แต่ถ้าเป็นคนถนัดซ้ายที่มีการศึกษาขึ้นมาหน่อยคือเรียนจนจบวิทยาลัยขึ้นไป
กลับพบว่าคนถนัดซ้ายทำรายได้มากกว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่ถนัดขวาอยู่ถึง 15 เปอร์เซนต์
(ไม่ได้อธิบายเหตุผลไว้ด้วยนะคะ คุณลองเดาเล่นๆดูเอง)
เอาหละค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องเล่าที่หมอนำมาฝาก
ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกับการทำนายความเก่งหรือไม่เก่ง ดีหรือไม่ดี
การประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเด็กในอนาคต
สิ่งที่หมออยากจะบอกกับคุณที่รักไม่ว่าคุณจะมีลูกถนัดซ้ายหรือขวาก็คือ
เด็กทุกคนต้องการความรักเอาใจใส่จากพ่อแม่และคนที่รักเขา
และเด็กจะรับรู้ความรักนั้นได้ด้วยการแสดงออกของพ่อแม่ซ้ำๆ สม่ำเสมอ
โดยการพูดบอก การกอด การสัมผัสอย่างอ่อนโยน
รวมถึงการใช้เวลาทำอะไรดีๆ เพลินๆ มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้างด้วยกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น