แหล่งการเรียนรู้ของเด็กมีอยู่รอบตัวอยู่ที่พ่อแม่มองเห็นหรือไม่..!!/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

 

แหล่งการเรียนรู้ของเด็กมีอยู่รอบตัวอยู่ที่พ่อแม่มองเห็นหรือไม่..!!/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    8 พฤษภาคม 2555 07:22 น.



 วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ครอบครัวของเราสนุกสนานกับกิจกรรมใหม่ เมื่อเจ้าลูกชายคนเล็กโทรศัพท์รายงานแม่ในบ่ายวันศุกร์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ว่า “มีนกมาทำรังแล้วครับคุณแม่” พร้อมทั้งเร่งเร้าให้แม่รีบกลับบ้านมาดูลูกนก 3 ตัวน้อยในรังนกที่เจ้าลูกชายสองคนเตรียมไว้นานหลายเดือนทีเดียวเชียว
       
        หลังจากนั้น มาเจ้าลูกชายสองคนก็ตั้งหน้าตั้งตาติดตามดูนก เพื่อรอดูว่าป็นนกอะไร โดยเฉพาะเจ้าคนโตที่ไปค้นหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนก และก็ไปพบหนังสือเล่มเล็กๆ เรื่อง “ดูนกด้วยตนเอง” ตั้งแต่เมื่อเขาเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 จนกระทั่งพบว่ามันคือนกกางเขนบ้าน
       
        จากนั้นก็เป็นการหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต พบว่า นกกางเขนบ้าน เป็นนกชนิดหนึ่งที่กินแมลง มีขนาดไม่ใหญ่นัก ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ส่วนบนลำตัวสีดำ ส่วนล่างตั้งแต่หน้าอกลงไปจะเป็นสีขาวหม่น ใต้หางมีสีขาว ปีกมีลายพาดสีขาว ตัวเมียสีจะชัดกว่าตัวผู้ ส่วนที่เป็นสีดำในตัวผู้ ในตัวเมียจะเป็นสีเทาแก่ มันมักจะอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ หากินแมลงตามพุ่มไม้ บางครั้งก็โฉบจับแมลงกลางอากาศ หางของมันมักกระดกขึ้นลง ร้องเสียงสูงบ้าง ต่ำบ้าง ฟังไพเราะ
       
            เจ้านกกางเขนบ้าน ชอบทำรังตามหลังคาบ้าน โพรงไม้ โพรงกำแพง ในกอไผ่ ในโพรงกระบอกไม้ไผ่ รังสร้างหยาบๆ ด้วยหญ้า รากไม้ มักจะวางไข่ครั้งละ 3-6 ฟองและผลัดกันกกไข่ มันจะฟักไข่นานประมาณ 12 วัน อายุ 15 วัน แล้วจะเริ่มหัดบิน
       
        ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลคร่าวๆ ที่ครอบครัวเราช่วยกันค้นหาเกี่ยวกับแขกผู้มาเยือนบนต้นไม้ในบริเวณบ้าน และกลายเป็นกิจกรรมครอบครัวร่วมกันในวันหยุด
       
       ออกแนว “กิจกรรมตามติดชีวิตครอบครัวนกกางเขนบ้าน”
       
       เจ้าลูกชายคนโตชอบมากเป็นพิเศษ เป็นจุดเริ่มต้นในการสังเกตนกตัวอื่นๆ ไปด้วย รวมไปถึงความสนใจเรื่องนกที่หลากหลายมากขึ้น
       
        เรื่องกิจกรรมตามติดชีวิตนกกางเขนบ้าน คงไม่ใช่แบบเรียลลิตี้หรอกค่ะ แต่เป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กได้ เพราะเรามีนกชีวิตจริงให้ได้เรียนรู้ถึงในบ้าน
       
        เขาสามารถเล่าเรื่องราวของนกให้ผู้ใหญ่ในบ้านฟังได้เป็นเรื่องเป็นราว และบรรยายเป็นฉากๆ ว่า เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ลูกนกเติบโตขึ้นทุกวัน พฤติกรรมของนกตัวพ่อและแม่ที่ผลัดกันเข้าไปให้อาหารลูก
       
        เป็นการต่อยอดการเรียนรู้ที่ดีมาก
       
        และแน่นอนว่า ย่อมเป็นการเรียนรู้ที่สนุกสนาน และน่าสนใจกว่าการเรียนในห้องเรียน ที่ต้องท่องจำชื่อนกแต่ละพันธุ์ แต่ละชนิดอย่างแน่นอน
       
        การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ไม่ควรให้เด็กเรียนรู้สิ่งใดๆ ผ่านเฉพาะในห้องเรียนสี่เหลื่ยมเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นการเรียนรู้ที่เด็กสนใจ สนุกสนาน และมีความสุข รับประกันว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่ดีมาก
       
        แต่อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มจากคนเป็นพ่อแม่
       
        ที่ผ่านมา การเรียนรู้ของเด็กในบ้านเราส่วนใหญ่ยังคงมีทัศนคติว่าเป็นเรื่องของโรงเรียน ทั้งที่ความเป็นจริงพ่อแม่มีส่วนสำคัญที่สุดในเรื่องการเรียนรู้ของลูก
       
       ไม่ใช่การเรียนรู้เพียงการศึกษาในระบบเท่านั้น..!!!   
       
       ถ้าลูกสนใจเรื่องนก แล้วเราไม่สนใจ หรือปล่อยผ่าน หรือไม่เห็นความสำคัญว่าจะสนใจนกไปทำไม ควรเอาเวลาไปดูหนังสือเรียนได้แล้ว เพราะใกล้เปิดเทอมเต็มที
       
       ป่านนี้ดิฉันคงไม่มีโอกาสได้เห็นแววตาแห่งความสุข หรือความสนใจใฝ่เรียนรู้เรื่องนกในหลากหลายมิติ และคงต้องตำหนิตัวเองอย่างแน่นอน
       
       การเปิดโอกาสการเรียนรู้ และการปรับกิจกรรมให้สอดคล้องตามความถนัด ความสนใจของลูก จะช่วยพัฒนาความสามารถและพัฒนาลูกได้เต็มตามศักยภาพ เพราะกิจกรรมบางอย่างเด็กไม่สามารถเรียนรู้ได้จากในโรงเรียนเท่านั้น แต่พ่อแม่สามารถเลือกสรรให้ได้
           
       โดยส่วนตัวดิฉันก็ไม่เชื่อเรื่องการศึกษาในระบบอย่างเดียวที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิต และการประสบความสำเร็จในชีวิตก็ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ที่สารพัดกระดาษที่บอกเล่าว่าเด็กเรียนจบจากที่ไหน หรือสารพัดรางวัลที่บอกว่าเด็กได้รับรางวัลอะไรบ้างเท่านั้น
             
       หลายสถานการณ์ที่พิสูจน์แล้วว่าการศึกษาในระบบอย่างเดียว เราจะได้เด็กพันธุ์เดียวกันในโลกยุคหน้า ที่เน้นเรื่องวิชาการอย่างเดียว ทั้งที่การเรียนรู้ของคนเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และตลอดชีวิต
         
        โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ที่พวกเรากำลังเผชิญกับสภาพปัญหาสังคมมากมาย ยกตัวอย่างให้เด็กได้เข้าใจความเป็นไปของสภาพสังคมโลกปัจจุบัน เช่น เรื่องการเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้ที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์
       
       และเรียนรู้ที่จะต้องมีทักษะชีวิตที่ดีและเหมาะสมอย่างรอบด้าน
             
       การปลูกฝังให้เด็กได้เข้าใจว่าการเรียนรู้ไม่ได้มีในห้องเรียนสี่เหลี่ยมเท่านั้น เด็กต้องได้สัมผัสกับชีวิตจริงจากประสบการณ์จริงด้วย ไม่ใช่แค่ท่องจำในกระดาษอย่างเดียว
       
       แหล่งเรียนรู้ดีๆ ที่เหมาะกับเด็กและเยาวชนในบ้านเรามีมากมาย มีอยู่ล้อมรอบตัวจริงๆ อยู่ที่พ่อแม่แล้วล่ะค่ะที่จะเสาะแสวงหาแหล่งเรียนรู้ใหม่ๆ ให้แก่ลูกของเรามากน้อยแค่ไหน
       
       แต่แหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุดของเด็กอยู่ที่สายตาของพ่อแม่มองเห็นหรือไม่ ..!!

ความคิดเห็น