6 Positive Thinking เพื่อรอยยิ้มเจ้าตัวน้อย

6 Positive Thinking เพื่อรอยยิ้มเจ้าตัวน้อย



เรื่อง แอปเปิ้ลสีแดง

          "แม่ท้อง" ท้องโตขึ้นทุกวัน อารมณ์หงุดหงิด คิดมาก รู้สึกไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่องมีมากขึ้นตามลำดับ เพราะไหนจะระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น ไหนจะต้องต่อสู้กับอาการแพ้ท้อง ความวิตกกังวล เมื่อเจ็บปวดทางกาย และเรียกว่าเป็นช่วงที่แม่ท้องต้องรับศึกหนักเพียงลำพัง เราจึงมีตัวช่วยเป็น 6 ข้อคิดดี ๆ ที่จะเคียงข้างแม่ท้องเพื่อเปลี่ยนคิ้วผูกโบให้กลายเป็นรอยยิ้มสดใสกันค่ะ

1.มองโลกในแง่ดี

          คิดแต่เรื่องดี ๆ ไม่โอดครวญกับความเจ็บปวด และไม่ยอมแพ้ต่ออาการแพ้ท้องใด ๆ ไม่เปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น เช่นให้คิดเสมอว่า ขณะตั้งครรภ์คือช่วงเวลาเชื่อมโยงสายใย แม่-ลูกที่ใครอื่นก็เข้ามาแทรกหรือขโมยไปไม่ได้

2.รู้จักไตร่ตรองแยกแยะ

          ต้องแยกให้ออกระหว่าง อาการเจ็บป่วยทางร่างกายของแม่ท้องที่กำลังเผชิญอยู่กับอาการที่แพ้ท้อง "กลัวว่าจะเกิดขึ้น" อย่าหลงเชื่อหรือหมกมุ่นไปกับข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว

3.บันทึกทุกเรื่องที่ดี

          ในสมุดบันทึกเล่มนี้ "ห้ามเขียนเรื่องไม่ดี!" ให้เขียนแต่เรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งวัน เช่น วันนี้อากาศเย็นโชคดีจัง ได้นอนสบายตัว, ไปซูเปอร์มาร์เก็ต มีคนแปลกหน้ายิ้มให้ เป็นต้น บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน ถ้าลองนึกถึงแล้วเขียนไว้ในบันทึกประจำวันมันจะ "เปลี่ยนความคิด" ให้เรามองหาแต่เรื่องดี ๆ ได้ (จากการศึกษาพบว่า คนที่คิดฆ่าตัวตายมีอาการดีขึ้นหลังจากเริ่มเขียนบันทึกเรื่องดี ๆ ได้เพียงสองสัปดาห์)

4.ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ทำให้หัวเราะได้

          ให้ลองสังเกตว่าอะไรทำให้ตนเองหัวเราะได้บ้าง บางท่านเพียงแค่นั่งในสวนมองสัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นกันแล้วหัวเราะได้ทุกครั้ง เมื่อคุณหัวเราะร่างกายก็จะหลั่งสารแห่งความสุขค่ะ

5.อยู่ท่ามกลางคนที่มีความสุข

          อารมณ์ดีเป็นโรคติดต่อที่แพร่ได้เร็วมาก เราจะเลียนแบบสีหน้าการแสดงออก กล้ามเนื้อ ท่าทาง รูปแบบการพูด เพื่อให้เข้ากับคนที่เราอยู่ด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว ฉะนั้น ช่วงนี้แม่ท้องต้องอยู่ใกล้คนอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี เพื่อสุขภาพจิตที่ดีตามไปด้วยค่ะ

6.ใส่ใจกับความรู้สึกตนเองในแต่ละวัน

          การตระหนักรู้ถึงอารมณ์ของตัวเองทำให้เราจับคู่กิจกรรมที่เราต้องทำกับระดับพลังงานในร่างกายตนเองได้อย่างเหมาะสม เช่น รู้สึกดีในตอนเช้าแสดงว่าตอนเช้าคือ ช่วงเวลาจัดการความยุ่งเหยิง เช่น งานบ้าน หากปกติเซื่องซึมหมดแรงตอนบ่าย ช่วงเวลานั้นไม่ควรทำกิจกรรมใดที่ต้องใช้พลังงานทางอารมณ์มากหรือทางร่างกายมาก

          คิดบวก ใจย่อมเป็นสุขเบิกบาน คิดในแง่ลบใจก็เหมือนตกนรก วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องร้าย ๆ อย่าลืมนะคะว่า ถ้าคุณแม่ยิ้มเจ้าตัวน้อยก็ยิ้มด้วย

Source: Mothere&Care Vol.8 No.88 April 2012

Link:  http://www.motherandcare.in.th

ความคิดเห็น