การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว

การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว หลังคลอดลูก หากคุณแม่ให้นมลูกเอง นน.จะลงมาเป็นปกติภายใน 1-6 ด.โดยไม่ต้องซื้อคอร์สลดนน.ราคาแพง หรือ ซื้อยาลดนน.จากอินเตอร์เนทที่เป็นอันตรายมากิน โดยมีข้อแม้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน คุณแม่ควรควบคุมน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 10-12 กก.ตลอดการตั้งครรภ์ โดยที่ 3 ด.แรก น้ำหนักต้องไม่ขึ้นเลย 3 ด.ถัดมาขึ้น 6 กก. และ 3 ด.สุดท้ายขึ้น 6 กก. ใครที่นน.ขึ้นเกินจากนี้ ไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าตอนท้องเป็นช่วงโปรโมชั่น อยากกินอะไรก็กินได้ตามใจอยาก อ้วนได้ไม่มีใครกล้าว่า แล้วคิดกินเพื่อลูก โด๊ปอาหารก่อภูมิแพ้เข้าไปมากมาย นมวัวเอย ผลิตภัณฑ์นมวัวเอย ทั้งชีส เค้ก ไอศครีม นมถั่วเหลืองซื้อมาเป็นลังๆ ไข่กินวันละหลายๆฟอง ขนมนมเนยทุกชนิด ปลาแซลมอนทุกมื้อ ผลที่ตามมา คือ แม่อ้วนทำให้เสี่ยงต่อเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ลูกเสี่ยงกับภาวะแพ้โปรตีนกลุ่มเสี่ยง พอคลอดลูกเสร็จ ก็ยังกินบำรุงน้ำหนักต่อ โดยคิดว่าจะทำให้ผลิตน้ำนมได้เยอะ ผลที่เกิดขึ้นคือ น้ำหนักส่วนเกินยังคงอยู่สะสมในร่างกาย แต่น้ำนมไม่ได้เพิ่มขึ้น (ดังรูปบน) เพราะปริมาณน้...

วัคซีน IPD ฉีดดีหรือไม่??? แล้วมันคืออะไรล่ะเจ้า IPD เนี่ย??

#### วัคซีน IPD ฉีดดีหรือไม่??? แล้วมันคืออะไรล่ะเจ้า IPD เนี่ย?? ####



วัคซีนที่มีพ่อแม่สนใจและถามกันเข้ามาเยอะ คือ IPD เพราะ

1.แพง
2. ไม่แน่ใจว่าควรฉีดหรือไม่?
3.หมอที่ขายแพคเกจไม่เห็นแนะนำอะไรเลย



งั้นเรามาทำความรู้จักกับมันหน่อยครับ IPD คือชื่อโรคครับ ย่อมาจาก Invasive pneumococal disease (หรือโรคนิวโมคอคคอลแบบลุกลาม)
เป็นการติดชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง คือ เชื้อ Streptococcus pneumoniae เชื้อนี้อยู่ในโพรงจมูกและคอของเด็กที่เป็นพาหะ ติดต่อกันโดยทางหายใจ ไอ จามรดกัน

โดยปกติเชื้อนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ 3 แบบคือ
1. ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ
2. ตืดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ ปอดบวม
3. ติดเชื้อแบบลุกลาม คือ การติดเชื้อในกระแสเลือด และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

การรักษาคือการให้ยาฆ่าเชื้อ

โรคนี้พบมากในเด็กเล็กอายุ น้อยกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี และกลุ่มคนที่มีโรคต่างๆ หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
โดยในเด็กอายุน้อยกว่า2ปี หากเป็นโรค IPD นี้จะเป็นรุนแรงโอกาสพิการหรือเสียชีวิตได้ค่อนข้างสูง
โรค IPD ในเด็กไทยเทียบกับต่างประเทศพบน้อยกว่าค่อนข้างเยอะ ในอเมริกาวัคซีน IPD ถือเป็นวัคซีนพื้นฐานครับเพราะเค้าเจอโรคนี้เยอะกว่าเรา
โดยจากการศึกษาในไทยเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี พบอัตราการป่วยโรค IPD ประมาณ 10-27/100,000 คน
ปัจจุบันวัคซีน IPD มี 2 แบบ คือ PPV23 ที่ไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ
แบบที่ 2 คือ PCV7 ซึ่งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในเด็กต่ำกว่า 2 ขวบ
โดยสามารถป้องกันเชื้อได้7สายพันธุ์ที่มีในวัคซีนร้อยละ 97 (เชื้อที่ก่อโรคมี 10+ สายพันธุ์)
ใหม่ล่าสุดตอนนี้มี PCV13ครับครอบคลุม13สายพันธุ์ รายละเอียดว่าโรงพยาบาลไหนใช้วัคซีนแบบไหน ลองสอบถามดูนะครับ ไม่บอกยี่ห้อนะ เดี๋ยวกลายเป็นโฆษณาให้บริษัทยาไป
PCV 7และ13 ฉีด 4 เข็ม ที่อายุ 2,4,6,12-15 เดือน ราคาเข็มละ 4,200 บาท ถ้าที่ไหนมีราคาแพคเกจก็ว่ากันไปตามแต่ละที่นะครับ
สำหรับเด็กอายุเกิน 7 เดือน แนะนำฉีดตาม นี้ครับ
7-11เดือน ฉีด 3 ครั้ง ครั้งที่1,2ห่างกัน1-2เดือน ครั้งที่ 3ห่างกัน2เดือน
12-23เดีอน ฉีด 2 ครั้ง ครั้งที่1,2ห่างกันอย่างน้อย 2 เดือน
24 เดือน-9 ปี ฉีดครั้งเดียว

ที่นี้จะฉีดหรือไม่ฉีดพิจารณาอย่างไร เพราะราคามหาโหดเอาเรื่องอยู่นะ
1. ความเสี่ยง ลูกเรามีความเสี่ยงแค่ไหน มีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ มีภาวะพิเศษอะไรหรือเปล่า เช่น โรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต โรคตับ เบาหวาน โรคระบบสมอง ม้ามทำงานผิดปกติ หรือผ่าตัดม้าม โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเช่น HIV หรือเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ต้องรับเคมีบำบัด หรือยาสเตียรอยด์ เด็กที่มีน้ำไขสันหลังรั่ว

2.ฝากเลี้ยงในเนิร์สเซอรี่

3.ควรศึกษาเรื่องข้อจำกัดและความรู้เรื่องโรค อย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่าโรคนี้พบในเด็กไทยน้อยกว่าต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นความรุนแรงในเด็กน้อยกว่า2 ขวบก็จะสูง นอกจากนั้นข้อจำกัดของวัคซีน IPD ก็มีหลายอย่าง คือ ครอบคลุมแค่บางสายพันธุ์(แม้จะครอบคลุมสายพันธุ์ก่อโรคส่วนใหญ่ก็ตาม) ประสิทธิภาพไม่ 100% และราคาสูง ถ้าจะตัดสินใจฉีดก็ต้องเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมดว่า ฉีดแล้ว ก็ยังมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ถึงแม้จะน้อย

สิ่งที่อยากฝากเอาไว้เป็นเรื่องสุดท้ายในการพิจารณาฉีดวัคซีนทางเลือก ขอใช้ประโยคที่เคยพูดไว้ในเรื่องเจลลดไข้
"พ่อแม่ที่วิตกกังวลมากเกินไป และไม่แสวงหาความรู้จะตกเป็นเหยื่อทางการตลาด"
แม้หลายคนจะบอกว่ารวย ไม่มีปัญหาเรื่องเงินมีอะไรก็อยากให้อยากฉีดให้ลูกทุกอย่าง จัดไปเลย 38 คอร์สรัวๆ แม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ต้องศึกษาหาความรู้ครับว่าฉีดไปแล้วมีประสิทธิภาพแค่ไหน มีผลข้างเคียงอย่างไร
ฉีดแล้วมีโอกาสเป็นโรคนั้นได้อีกหรือไม่ ยังไงก็ตามความรู้เป็นปัจจัยในการป้องกันโรคได้พอๆกับวัคซีนนั่นแหละครับ

Admin Dr. Jame จาก FBเพจ : ใกล้มิตรชิดหมอ

ความคิดเห็น