การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว

การให้นมแม่ช่วยคุณแม่ลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว หลังคลอดลูก หากคุณแม่ให้นมลูกเอง นน.จะลงมาเป็นปกติภายใน 1-6 ด.โดยไม่ต้องซื้อคอร์สลดนน.ราคาแพง หรือ ซื้อยาลดนน.จากอินเตอร์เนทที่เป็นอันตรายมากิน โดยมีข้อแม้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน คุณแม่ควรควบคุมน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 10-12 กก.ตลอดการตั้งครรภ์ โดยที่ 3 ด.แรก น้ำหนักต้องไม่ขึ้นเลย 3 ด.ถัดมาขึ้น 6 กก. และ 3 ด.สุดท้ายขึ้น 6 กก. ใครที่นน.ขึ้นเกินจากนี้ ไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าตอนท้องเป็นช่วงโปรโมชั่น อยากกินอะไรก็กินได้ตามใจอยาก อ้วนได้ไม่มีใครกล้าว่า แล้วคิดกินเพื่อลูก โด๊ปอาหารก่อภูมิแพ้เข้าไปมากมาย นมวัวเอย ผลิตภัณฑ์นมวัวเอย ทั้งชีส เค้ก ไอศครีม นมถั่วเหลืองซื้อมาเป็นลังๆ ไข่กินวันละหลายๆฟอง ขนมนมเนยทุกชนิด ปลาแซลมอนทุกมื้อ ผลที่ตามมา คือ แม่อ้วนทำให้เสี่ยงต่อเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ลูกเสี่ยงกับภาวะแพ้โปรตีนกลุ่มเสี่ยง พอคลอดลูกเสร็จ ก็ยังกินบำรุงน้ำหนักต่อ โดยคิดว่าจะทำให้ผลิตน้ำนมได้เยอะ ผลที่เกิดขึ้นคือ น้ำหนักส่วนเกินยังคงอยู่สะสมในร่างกาย แต่น้ำนมไม่ได้เพิ่มขึ้น (ดังรูปบน) เพราะปริมาณน้...

เพลงของโมสาร์ทพัฒนาเซลล์สมองให้เด็ก โดย DMH Staffs.

 เพลงของโมสาร์ทพัฒนาเซลล์สมองให้เด็ก


โดย DMH Staffs.

หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ นำเสนอเรื่อง โมสาร์ท เอฟเฟ็กต์ พัฒนาการเซลล์สมอง สร้างสรรค์มุมคิดคณิตศาสตร์ ว่า บทเพลงของโวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท ( Wolfgang Amadeus Mozart ) นักประพันธ์ชาวออสเตรีย เป็นต้นแบบงานวิจัยด้านคณิตศาสตร์และแพทยศาสตร์ ในส่วนของคณิตศาสตร์ Rachel Thomas กล่าวใน Music to their ears ว่า นักวิทยาศาสตร์หลายรุ่นได้ ศึกษาความสัมพันธ์ทางดนตรีกับสัดส่วนของสมอง ที่เรียกว่า โมสาร์ท เอฟเฟ็กต์ ( Mozart effect ) พบว่า เพลงของโมสาร์ทช่วยให้เด็กนักเรียนมีสมาธิกับการเรียนที่ดีขึ้น

ซึ่งอาจารย์ในโรงเรียนประถมของประเทศอังกฤษ Windhill Primary School in Southern Yorkshire ได้พิสูจน์ว่า ดนตรีของศิลปินดังสามารถทำให้เกิดสมาธิในการเรียนได้จริง จึงมีการนำเพลงของโมสาร์ท รวมถึงเพลงของโชแปง บิโธเฟ่น และบราห์มส์ ใส่น้ำเสียงของนักร้องดังหลายคนไปทดสอบในหลักสูตรนักเรียนการบิน พบว่า บทเพลงของโมสาร์ทเหมาะสำหรับเด็กที่เรียนคณิตศาสตร์อย่างมาก เนื่องจากรูปแบบตัวโน้ตที่ซับซ้อน ได้ล่องลอยไปกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวกับการคิดคำนวณในแบบที่ดนตรีชนิดอื่นไม่สามารถทำได้

ซึ่งในปี ค.ศ. ๑๙๙๓ เริ่มศึกษา ผลกระทบของดนตรีโมสาร์ท ต่อสุขภาพ โดย ดร.กอร์ดอน ชอว์ ( Dr.Gordon Shaw ) และ ดร.ฟรานเซส เราสเชอร์( Dr.Frances Rauscher ) นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ( University of California ) พบว่า ดนตรีของโมสาร์ทมีส่วนช่วยให้ความสามารถในเชิงตรรกะ และความจำของมนุษย์ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของทารกและลูกน้อย โดยเฉพาะการเสริมสร้างเหตุผล และความจำ

ดอน แคมป์เบล นักดนตรีและอาจารย์ชาวอเมริกัน ได้เขียนหนังสือชื่อ เดอะ โมสาร์ท เอฟเฟ็กต์ ( The Mozart Effect ) ปี ๑๙๙๗ พร้อมกับนำเพลงของ โมสาร์ทเป็นชุดซีดี ชื่อ มิวสิค ฟอร์ เดอะ โมสาร์ท เอฟเฟ็กต์ ( Music for The Mozart Effect ) บอกว่า พ่อแม่ควรใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือบำบัด และส่งเสริมพัฒนาการของลูกอายุต่ำกว่า ๓ ปี การจะรับพลังของดนตรี ต้องกระทำอย่างมีแบบแผน และช่วงเวลาที่เหมาะสมของการรับรู้ สิ่งที่ค้นหาจากดนตรี คือ รูปแบบ ท่อนเพลงซ้ำๆ ความหลากหลาย ความชัดเจน และอื่นใดต้องไม่รับดนตรีมากเกินไป และแนะนำว่า ควรหาโอกาสร้องเพลงในกิจกรรมประจำวัน




นอกเหนือจากบทความดังกล่าวนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยกระทรวงสาธารณสุขเอง ก็ได้มองเห็นความสำคัญของการพัฒนาสมองของเด็ก ได้ถือให้เป็นนโยบายเร่งด่วนอันหนึ่งในการผลักดัน ไอคิวและอีคิว ให้เป็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพัฒนาสมองของเด็กไทย

โดยเฉพาะในวัยแรกเกิดเป็นต้นมาเพื่อเพิ่มทักษะทางเชาวน์ปัญญา จึงได้ผลิตแผ่นซีดีเพลงขึ้นมา โดยยึดแนวเพลงของโมสาร์ทที่ชื่อว่า "Piano Sonata for Two Piano" หรือที่มักจะเรียกกันทั่วๆไปสั้นๆว่า "K448" ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเพลงนี้มีผลต่อการพัฒนาสมองของเด็กเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้แนวคิดดังกล่าวมาผลิตแผ่นซีดีเพลง โดยประยุกต์ให้เป็นแนวดนตรีตามแบบพื้นบ้าน 4 ภาคของประทศไทย

แต่อย่างไรก็ดี โดยพื้นฐานทำนองดนตรีแล้วก็ยึดหลักให้คล้ายๆกับเพลงต้นฉบับของโมสาร์ทที่ว่านี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลดังที่มีผู้รู้ได้กล่าวอ้างไว้ โดยซีดีเพลงดังกล่าวได้บรรจุไว้กับ ถุงของขวัญที่แจกให้เด็กแรกเกิดทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นมา เพื่อให้คุณแม่มือใหม่ทั้งหลายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตชนบทที่ห่างไกลได้มีอุปกรณ์สำหรับช่วยเลี้ยงดูบุตรหลานของท่านเหล่านั้นได้เจริญเติบโตมาให้มีระดับไอคิวที่สูงขึ้นได้

กล่าวโดยสรุป แม้ว่าการแจกถุงของขวัญของรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจะมีข้อโต้แย้งบ้างบางประการ โดยเฉพาะอุปกรณ์การเล่นของเด็กนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทีมงานกรมสุขภาพจิตมั่นใจว่าเด็กที่เกิดในวันดังกล่าว จะได้รับสิ่งที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาสมองของเด็ก นั่นก็คือ ได้รับแจกซีดีเพลงกล่อมเด็กนั้น มีคุณค่าต่อการพัฒนาสมองของเด็ก และส่งผลต่อการเพิ่มระดับเชาว์ปัญญา ถึงแม้ว่าเพลงที่ได้รับแจกไปนั้นจะไม่เหมือนกับต้นฉบับจริงที่มีการพิสูนจ์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วก็ตาม ท่านผู้อ่านท่านใดที่สนใจต้องการเพลงของจริงแท้ต้นตำรับของโมสาร์ท ก็สามารถหาซื้อมาได้จากร้านขายซีดีเพลงคลากสิคค่ะ


ผู้แต่ง: เรียบเรียงโดย DMH Staffs. - dmhstaff@dmhthai.com - 29/8/2005

ความคิดเห็น