[บทความ] กินอย่างไรบำรุงสมอง

 

กินอย่างไรบำรุงสมอง



ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความฉลาด

คุณธิติมา ปฏิพิมพาคม นักโภชนาการฝ่ายโภชนาการ วิทยาลัยแพทศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล อธิบายว่า ความฉลาดของเด็กขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ๆด้แก่พันธุกรรม การสร้างเซลล์ประสาท การเลี้ยงดู การให้อาหารที่มีประโยชน์ และการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่แรกเกิดจนเติบโตเป็นวัยรุ่น โดยอาหารจะเข้าไปมีผลต่อสมองเด็กในสามช่วงใหญ่ๆ คือ

-   ช่วงตั้งครรภ์ : อาหารจะช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์หลังจากการปฏิสนธิ โดยการเจริญของสมอง ขึ้นอยู่กับอัตราการเพิ่มน้ำหนักตัวของแม่นั่นเอง นั่นคือ ถ้าแม่ท้องมีน้ำหนักตามเกณฑ์ ลูกในครรภ์ก็จะมีนน้ำหนักตามปกติ สมองและสัดส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเจริญไปได้ดีและเหมาะสม
-   ช่วง 6 เดือนหลังคลอด – 2 ขวบ : อาหารจะเข้าไปช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานของสมอง ซึ่งช่วงเวลาที่บำรุงได้ดีที่สุด คือช่วง 2 ขวบปีแรก และแน่นอน ความฉลาดของลูกยังขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวมา
-   หลังจาก 2 ขวบไปจนถึงวันรุ่น : อาหารยังจำเป็นต่อการเสริมสร้างสมอง ในฐานะปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความฉลาด


กินอย่างไรบำรุงสมองลูก

-   คุณแม่ตั้งครรภ์ กินอาหารหลัก 5 หมู่และหลากหลาย ควบคุมน้ำหนักตัวตามที่ควร การส่งต่อสารอาหารจากแม่ถึงลูกจึงจะดีตามไปด้วย

-   6 เดือนแรกหลังคลอด นมแม่เป็นอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอ และมีสารอาหารครบถ้วน สัมผัสทางกาย สายตา และจิตใจ ระหว่างให้นมล้วนมีผลโดยตรงให้เซลล์ประสาทเจริญอย่างรวดเร็ว สมองจึงเติบโตและทำงานได้ดี สารอาหารในนมแม่มีผลต่อสมอง คือ
             o โปรตีน : เป็นโปรตีนประเภทย่อยง่าย สังเคราะห์จากกรดแอมิโนที่จำเป็น (ทอรีน)จากแม่ ช่วยเพิ่มจำนวนเส้นประสาทและเพิ่มการไหลเวียนของแคลเซียม
             o ไขมัน : ช่วยการเจริญเติบโตของสมองและจอประสาทตา ได้แก่ ดีเอชเอ กรดไลโนเลนิก และกรดไลโนเลอิก กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สมองทารกต้องการ ได้แก่ โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6
             o คาร์โบไฮเดรต : จากน้ำตางในนม(แล็กโทส) ซึ่งประกอบด้วยกลูโคสบำรุงสมอง กาแล็กโทสบำรุงเนื้อเยื่อประสาท และน้ำตาลโอลิโกแซ็กคาไรด์ช่วยเชื่อต่อปลายประสาทเข้าด้วยกัน ทำให้สมองทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น

-   คุณภาพสารอาหารหลังจาก 6 เดือน เป็นช่วงที่ลูกได้กินนมแม่น้อยลง จึงควรเพิ่มสารอาหารในอาหารเสริมตามวัยไปจนถึงวัยรุ่น
             o   ดีเอชเอ มีมากในเมล็ดธัญพืช เนื้อปลา ไข่แดง เป็นต้น
             o   ธาตุเหล็ก เพื่อช่วยเพิ่มเมล็ดเลือดแดง เป็นการเพิ่มอาหารสมองและภูมิคุ้มกันด้วย มีในอาหารประเภทไข่แดง ตับ ผักใบเขียว และเพิ่มวิตามินจากผักผลไม้สด เช่น ส้ม กล้วย เพื่อช่วยการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี
             o  สารอาหารที่แม้ร่างกายต้องการน้อย แต่ก็ขาดไม่ได้คือ ไอโอดีน มีในอาหารทะเลทุกชนิดและในเกลือเสริมไอโอดีน โฟเลต มีมากในผักใบเขียว ถั่ว ส้ม ตับ วิตามินบี 12 มีในอาหาร ถั่ว ส้ม ตับ วิตามินบี 12 มีในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตับ ไข่ นม และ สังกะสี มีในอาหารประเภทอาหารทะเล เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ถั่ว

ขอขอบคุณ : Real Parenting สำหรับข้อมูลค่ะ

ความคิดเห็น