[บทความ] เปรียบเทียบสารอาหารในนมถั่วเหลือง

 นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เพราะธรรมชาติสร้างมาให้มีสัดส่วนเหมาะกับลูกคน แน่นอนนมวัวธรรมชาติก็สร้างมาให้เหมาะสมกับลูกวัวไม่ใช่ลูกคน แต่คนดันอุตริริไปดื่มนมวัว แค่ขนาดก็ต่างกันลิบลับแล้ว ถ้ายังไม่อยากให้ลูกกลายเป็นวัว เพลาๆ นมวัวลงเสียบ้างก็ดี


ไขมันของนมวัวมีมากกว่านมถั่วเหลือง และที่อันตรายคือไขมันในนมวัวเป็นกรดไขมันอิ่มตัว ส่วนไขมันในนมถัวเหลืองเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว และยังช่วยลดโคเลสเตอรอลได้


ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในอาหาร 100 กรัม


แคลอรีในนมวัวจะสูงกว่านมถั่วเหลืองเหตุเพราะมาจากไขมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ ภาวะไขมันในเลือดสูงในเด็กและผู้ใหญ่ยุคนี้พุ่งสูงขึ้นมาก ตั้งแต่เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ไปจนถึง 15 ปี สำหรับเด็กโตทาน junk food และดื่มนม แต่เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีคงยังไม่ทันโตมากิน junk food เป็นแน่แต่ทำไมไขมันสูง คำตอบคือเด็กพวกนี้ดื่มนมวัว แถมหลายๆ บ้านให้เด็กดื่มนมวัวแทนน้ำ สำหรับเรื่องไขมันในเลือดถ้าไม่รีบแก้ไขก่อนอายุ 15 ปี หลอดเลือดจะมีการจับของคราบไขมันเป็นการถาวะ เมื่อโตขึ้นจะตามมาด้วยภาวะไขมันในเลือดสูงทันที และตามมาด้วยโรคหัวใจทั้งที่ยังไม่ทันแก่เลย
ยังมีอีกว่าคนไข้เบาหวานที่มารับการรักษาจากหมอ ถ้าใครไม่เลิกการดื่นนมวัวจะไม่สามารถควบคุมเบาหวานได้เลย

โปรตีนในนมถั่วเหลืองแทบไม่ต่างกับนมวัว อีกทั้งโปรตีนในนมถั่วเหลืองยังดูดซึมได้ง่ายกว่า เพราะคนเอเชียดื่มกินกันอยู่ประจำ นมวัวเสียอีกที่อาจจะดูดซึมไปใช้งานได้ยาก เพราะชาวเอเชียมักมีอาการท้องเสีย แต่ข้อเท็จจริงยังมีอีกอยู่ว่า นายแพทย์ สุขสวัสดิ์ เคยทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งกับอาสาที่เป็นพลทหาร ให้พวกเขาดื่มนมแล้วส่องกล้องดูเยื่อบุลำไส้ ผลปรากฏว่าทั้ง 100% มีเยื่อบุลำไส้บวมทั้งสิ้น ซึ่งแสดงถึงภาวะภูมิแพ้ของคนร้อยทั้งร้อย ทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ

ส่วนตัวผมเองไม่ถึงกับขั้นท้องเสีย แต่คลื่นไส้เป็นประจำหลังรับประทานนมวัว ทำให้ปกติแล้วจะไม่นิยมดื่มเท่าไรนัก แต่จำไม่ได้ว่าตอนเด็กๆ โดนบังคับให้กินหรือเปล่าแต่โอกาสเป็นไปได้สูง

แคลเซียมในนมถั่วเหลืองมีอยู่ปริมาณน้อย แต่ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี เต้าหู้ 1 แผ่น (100 กรัม) ให้แคลเซียม 250 มก.สูงกว่านมวัวถึง 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน และเท่ากับนมวัว 1 แก้วเลยทีเดียว ข้ออ้างเรื่องแคลเซียมจะเป็นตัวปกป้องการปฏิเสธนมวัวได้เป็นอย่างดี แต่เอาเข้าจริงแล้ว แคลเซียมที่ฝรั่งกินกันในนมวัว กลับไม่ได้ช่วยปกป้องพวกเขาจากโรคกระดูพรุนได้เลย เมื่อเทียบกับคนไทยแล้วคนไทยเป็นโรคนี้น้อยกว่ามากถึง 9 เท่า เพราะอาการขาดแคลเซียมไม่ใช่เหตุผลเดียวของโรคนี้ตะหาก ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะกล่าวถึงต่อไป

การที่นมวัวเข้ามาในเมืองไทยพร้อมโฆษณาชวนเชื่ออย่างรุนแรง คิดเหรอครับว่าพ่อค้าชาวต่างชาติจะคิดถึงสุขภาพของพวกเรา อย่าว่าแต่คนต่างชาติพันธุ์เลย แม้แต่ตาสีน้ำข้าวเหมือนกันเองยังไม่เคยสนใจ เพราะพ่อค้านั้นเป็นมนุษย์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่มักจะทำทุกอย่างเพื่อการค้าเท่านั้น

เรียบเรียงจากข้อเขียนคัดสรรจากมติชนสุดสัปดาห์ โดย น.พ. บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล จาก balavi

โค๊ด:
ที่มา : http://www.numthang.org/content/526/1/

ความคิดเห็น